“อลงกรณ์" ถามกลางวงเสวนาทำอย่างไร ประชาธิปัตย์จะชนะเลือกตั้ง ด้าน “สุวิทย์ ” แนะรีเซ็ตพรรค  รับฟังความเห็นคนรุ่นใหม่ ด้าน “อภิสิทธิ์” ยอมรับ “ดร.เอ้ -คุณหญิงกัลยา” ไปไกลแล้ว คงไม่กลับปชป.


เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 ต.ค. 2568 ที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประเทศไทยต้องการอะไร จากพรรคการเมือง โดยเชิญ นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และน.ส. จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและซีอีโอกลุ่ม WHA คอร์ปอเรชั่น ร่วมให้ข้อเสนอแนะโดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเปิดเสวนาว่า ที่มาของการจัดงานคือตอนที่มีการประชุมใหญ่เลือกคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่มาได้ครึ่งทางแล้ว ได้พักกินข้าวกล่องกัน และพูดว่าสิ่งที่เราต้องการมาทำงาน คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพการเมืองที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน สำคัญ 2 เรื่อง คือ ประการแรก เรามองว่าทุกวันนี้เวลาเราอ่านข่าวการเมืองกับข่าวเรื่องอื่น มันเหมือนมี 2 โลกไม่เชื่อมโยงกัน ในขณะที่ทุกคนมีความทุกข์มีความกังวลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจสังคมไทย แต่การเมืองกลับไม่มาถกเถียงในประเด็นเรื่องที่มีความสำคัญ จึงอยากให้การเมืองกลับมาสนใจในเรื่องของภาพใหญ่ของประเทศที่วันนี้ถือเป็นความท้าทายที่สุด เพราะพวกเราต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั่วไป และประการที่ 2 คืออยากแสดงให้เห็นว่า การเมืองนั้นต้องพร้อมที่จะรับฟัง

...


 “อลงกรณ์" ข้องใจทำอย่างไรชนะเลือกตั้ง

จากนั้นวิทยากรทั้ง 3 คนได้พูดถึงประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาและแสดงความคิดเห็นในการแก้ปัญหาประเทศ และเปิดให้สมาชิกซักถาม โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ถามวิทยากรว่าจะทำอย่างไร ที่จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง เพราะ 33 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยชนะการเลือกตั้ง

แนะชูความจริงชนะใจประชาชน

นายสุวิทย์ ตอบว่า ในฐานะที่อยู่การเมืองมา จิตวิญญาณไม่เคยมอดไหม้ ก่อนชนะเลือกตั้ง ต้องชนะใจประชาชนก่อน ต้องทำให้ประชาชนคิดว่า เราอยู่แบบนี้ไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่วาทกรรม แต่คือความจริงที่ประชาชนไม่ได้เห็น ที่ต้องทำให้เขาคิดถึงลูกและหลานในอนาคต สิ่งแรกคือความตั้งใจ ในการนำเสนอพรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ ว่าจะทำอย่างไร จะมาบอกว่า ชนะเลือกตั้ง มันเป็นไปไม่ได้ เพราะโจทย์มี 2 เรื่อง คือ นอกจากรีเซ็ตพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ต้องรีเซ็ตประเทศไทยด้วย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะฉะนั้น การชนะการเลือกตั้ง ไม่ได้หมายความว่า เราจะตอบโจทย์นี้ได้ เพราะเรากำลังเปลี่ยนพื้นฐานของประเทศ ดังนั้น ต้องใจเย็น และต้องมองไปไกลๆ ว่าจะต้องบาลานซ์กันอย่างไร

ชี้ ปชป.ต้องเปลี่ยนแปลง

“ถ้าพรรคประชาธิปัตย์เปลี่ยน ผมเชื่อว่าจิตวิญญาณที่มีอยู่ ผสมผสานกับการยอมรับกับการเปลี่ยนแปลง และหากสเต็ปที่ 1 คือการเปลี่ยนพรรคไม่ผ่าน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนประเทศในสเต็ปที่ 2 ได้ ดังนั้น ถ้ามีการเลือกตั้งปีหน้า ผมคิดว่า จะทำอย่างไรให้ประชาชนเห็นในสิ่งที่เราเชื่อ โดยที่เรามีการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม” นายสุวิทย์ กล่าวและว่า

 ที่ผ่านมารัฐบาลง่วนอยู่กับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และทะเลาะกับเรื่องเหล่านี้ โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องให้เวทีเขา ไม่ใช่ปล่อยให้พรรคการเมืองไปกล่อมเกลา ดังนั้น พรรคต้องมีการผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ เข้าด้วยกัน

ใจต้องเย็น ทำสิ่งที่ถูกต้อง

”ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ ต้องคิดจริง ทำจริง อยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง ถ้าไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ใจร้อนไป คุณก็ตกเหว เหมือนงูในท่อ ประเทศไทยต้องมีท่อไม่เล็กเกินไป จนงูเลื้อยไม่ได้ หรือกว้างเกินไปจนไม่รู้ทิศทาง แต่ต้องวางทิศทางอย่างอิสระ งูจะเลื้อยไปเอง ตนจึงมองว่า พรรคประชาธิปัตย์ หากนายอภิสิทธิ์ยังอยู่ จะไม่มีก๊อกเดียว คงจะมีไปเรื่อยๆ แต่คงไม่ไกลถึงขั้นต้องร้องเพลง ขอเวลาอีกไม่นาน” นายสุวิทย์ กล่าว

ขอนักวิชาการเบรกประชานิยมเพ้อฝัน

จากนั้น นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวขอบคุณวิทยากร และขอฝากการบ้านไว้ 3 ข้อ เริ่มจาก ช่วงก่อนการเลือกตั้งพรรคการเมืองใด ที่พูดนโยบายประชานิยมที่เกินความจริง ขอให้นักวิชาการออกมาตอบโต้ประเด็นเหล่านี้ด้วย ขณะที่ในยุคปัจจุบันเกือบทุกเรื่องมีคำตอบไม่ขาวก็ดำเท่านั้น ซึ่งตนชอบที่นายบรรยง บอกว่ามันมีเรื่องของความพอดีในการผลักดันความเปลี่ยนแปลง แต่ในทางการเมืองขณะนี้ทั่วโลกพรรคการเมืองที่พยายามจะเสนออะไรที่อยู่บนความพอดี แทบจะยืนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกความสุดโต่งของทั้ง 2 ข้างถล่ม และยังคงมีพลังมาก จึงอยากจะรบกวนว่าผู้นำทางความคิดทั้งหลาย ต้องช่วยให้สติกับสังคม เวลาที่มีประเด็นเหล่านี้

“สุดท้ายก็จะถูกถามกลับว่า วันนี้ท่านจะช่วยบ้านเมืองอย่างไร ดังนั้นเมื่อใจมาแล้ว ถึงจุดหนึ่งคงต้องขอตัวทั้ง 3 ท่านมาช่วยเต็มตัว” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เชื่อ “ดร.เอ้ -คุณหญิงกัลยา” ไปไกลแล้ว

ทั้งนี้ในช่วงหนึ่งบนเวที บรรยง พงษ์พานิช อดีตประธานกรรมการบริหารของธนาคารเกียรตินาคินภัทร แนะนำว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์อยากเปลี่ยน  ควรให้หัวหน้าพรรคไป ชวนคุณหญิงกัลยา โสภณพานิช และดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ กลับมาพรรคประชาธิปัตย์   ทำให้นายอภิสิทธิ์ หัวเราะก่อนจะตอบว่า ตอนที่มีข่าวว่าตนเองจะกลับมาพรรคประชาธิปัตย์  ก็ได้ไปพบกับทั้งสองคนแล้ว ตอบได้เพียงว่า ทั้งสองท่านไปไกลแล้ว