รมว.ดิจิทัลฯ ไม่แน่ใจนักการเมือง “ช.” โยงสแกมเมอร์คือใคร แต่ไม่ใช่ “ไชยชนก” ชี้ “นายกฯ อนุทิน” บอกแล้ว เจอใครก็ต้องจับ เชื่อ ไม่กังวล ปรับ ครม. หากมีชื่อ รมต.เอี่ยวอีก ย้ำ เป็นวาระแห่งชาติ
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาเปิดเผยว่ามีนักการเมืองอักษรย่อ “ช.” เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์กัมพูชา ว่า ตนเรียนตามตรงไม่แน่ใจว่าเป็นคนไหน แต่ไม่น่าใช่ “ไชยชนก” อย่างไรก็ตามตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้บอกไว้ว่าให้ดำเนินการเต็มที่ หากเจอใครต่อให้เป็น นายอนุทิน ก็ต้องจับ ตนก็เชื่อว่ามันจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่พร้อม และกล้าจะดำเนินงานในทุกรูปแบบ ซึ่งจะต้องรอติดตามชมในส่วนที่กำลังดำเนินการอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลหรือไม่ที่มีบางฝ่ายพยายามเชื่อมโยงรัฐมนตรีบางคนกับสแกมเมอร์ นอกจากกรณีของ นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ลาออกไปก่อนหน้านี้ และนำไปสู่การร้องให้ตรวจสอบ นายไชยชนก ระบุว่า ตนกังวลแต่ไม่ใช่เรื่องว่าจะถูกร้องหรือไม่ กังวลเพราะเรื่องนี้ที่เป็นวาระแห่งชาติและเป็นวาระของโลก ไม่ว่าจะมีอยู่ในรัฐบาลหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
นายไชยชนก ระบุต่อไป ไม่ได้กังวลว่าจะถูกร้อง เพราะหากมีจริงแล้วเราเจอ ก็สมควรต้องถูกร้องและดำเนินคดีอย่างเต็มที่ ตอนที่ตนเดินทางไปลงนามในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ก็ได้ประกาศออกไปในเวทีโลกว่าเราจะดำเนินการตามกฎหมายในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น จะต้องรวมถึงฝ่ายการเมืองด้วย แต่ส่วนที่กังวลคือเราจะสามารถเข้าไปถึงต้นตอและเจอทั้งหมดได้หรือไม่ แต่เรื่องนี้ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายอื่นก็เป็นเรื่องที่ต้องกังวลอยู่แล้ว
...
ส่วนคำถามว่าเรื่องนี้จะถูกนำไปร้องเรียนและจำเป็นต้องมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่นั้น นายไชยชนก เผยว่า ตนไม่แน่ใจว่าจะต้องปรับ ครม. ชุดใหม่หรือไม่ แต่หากต้องรีเซ็ตก็ต้องรีเซ็ต เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าเราทุกคน ใหญ่กว่า ครม. และใหญ่กว่ารัฐบาล เพราะเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเราได้รับรายงานมาเสี้ยวเดียวจากความเสียหายจริง และยังมีประชาชนอีกเยอะที่ไม่ได้รายงานมา เพราะไม่รู้ว่าถูกโกงหรือรู้แล้วแต่ยอมรับชะตากรรมเพราะเชื่อว่าไม่สามารถจะต่อสู้ได้ ฉะนั้นความเสียหายจริงน่าจะมากกว่านี้เยอะ ถ้าเราสามารถหยุดเรื่องนี้ได้ เศรษฐกิจประเทศจะเป็นอย่างไร พร้อมกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรื่องนี้มันใหญ่กว่าเราทุกคน ใหญ่กว่ารัฐบาล”