ประวัติ “จาตุรนต์ ฉายแสง” ตัวเต็งแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นักการเมืองที่ผ่านสมรภูมิตั้งแต่เป็นนักศึกษา ผ่านการรัฐประหาร เคยเป็นรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย รองนายกฯ และรัฐมนตรีหลายกระทรวง
วันที่ 27 ตุลาคม 2568 การประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ จะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ภายหลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยขณะนี้มี 4 รายชื่อแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ได้แก่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ, นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่, นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน และนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ
ประวัติ “จาตุรนต์ ฉายแสง”
สำหรับประวัติของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง มีชื่อเล่นว่า อ๋อย และยังมีชื่อจีนว่า หลิว หง อวี่ เกิดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2499 ที่ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นบุตรคนโตของอนันต์ ฉายแสง กับนางเฉลียว ฉายแสง โดย นายอนันต์ เป็นอดีต สส.ฉะเชิงเทรา และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
...
การศึกษา
นายจาตุรนต์ จบมัธยมศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนเข้าเรียนต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับการเลือกตั้งเป็นนายกสโมสรนักศึกษา แต่ขณะเรียนชั้นปีที่ 4 เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา มีการกวาดล้างผู้นำนักศึกษา ทำให้ต้องไปใช้ชีวิตในป่าระยะหนึ่ง โดยใช้ชื่อจัดตั้งว่า “สหายสุภาพ” ภายหลังสถานการณ์คลี่คลายจึงกลับเข้าเมืองและตัดสินใจไปศึกษาต่อจนสำเร็จปริญญาตรี และปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ที่บัฟฟาโล สหรัฐอเมริกา ได้รับทุน Teaching ของมหาวิทยาลัยอเมริกัน สหรัฐอเมริกา เรียนต่อระดับปริญญาเอก จนสอบประมวลความรู้ (Comprehensive) แต่ไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ เนื่องจากกลับประเทศไทยเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.ในปี 2529
เส้นทางการเมือง “จาตุรนต์”
ส่วนการก้าวเข้าสู่การเมืองครั้งแรกของ นายจาตุรนต์ มาจากการชักชวนของผู้เป็นบิดาให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. ปี 2529 ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และได้เป็น สส.ฉะเชิงเทราสมัยแรก และสมัยที่ 2 ในปี 2531 จากนั้นย้ายมาร่วมกับพรรคประชาชน นำโดยนายเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ ก่อนย้ายไปพรรคความหวังใหม่ และได้รับการเลือกตั้งต่อเนื่องมาโดยตลอด กระทั่งในการเลือกตั้งปี 2544 นายจาตุรนต์ ได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ ในนามพรรคไทยรักไทย ภายใต้รัฐบาล นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จนกระทั่งเกิดรัฐประหารเมื่อปี 2549 ภายหลังรัฐประหาร นายทักษิณ ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายจาตุรนต์ จึงได้เข้ามารักษาการแทนหัวหน้าพรรค
โดยเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2550 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคไทยรักไทยด้วย ซึ่งก่อนมีคำตัดสิน นายจาตุรนต์ รักษาการหัวหน้าพรรค มีท่าทีว่าจะขอน้อมรับมติของศาล แต่หลังจากนั้นกลับไปที่ทำการพรรคและปราศรัยว่าเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม เป็นคำพิพากษาที่มาจากปากกระบอกปืน ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการปลุกระดมประชาชนให้ต่อต้านคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
ต่อมาในการเลือกตั้ง สส. ปี 2557 นายจาตุรนต์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 39 แต่ภายหลังรัฐประหารในปีนั้น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ได้ถูกทหารควบคุมตัวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ระหว่างการแถลงต่อผู้สื่อข่าว ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้ขัดขืน นายจาตุรนต์ ยังเป็นบุคคลแรกที่ถูกไต่สวนในศาลทหาร เนื่องจากไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกตั้ง 3 ข้อหา คือขัดคำสั่ง คสช., ยุยงให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและให้ทำผิดกฎหมาย (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116) และความผิดต่อความมั่นคงหรือก่อการร้ายตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ รวมมีโทษระวาง 14 ปี ถูกจำคุกที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2557
ขณะที่ในการเลือกตั้ง สส. ปี 2562 นายจาตุรนต์ ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 2 ในนามพรรคไทยรักษาชาติ แต่ต่อมาพรรคไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก่อนวันเลือกตั้ง จากนั้นวันที่ 20 มีนาคม 2564 นายจาตุรนต์ พร้อมกับ นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ ร่วมกันจัดตั้งพรรคเส้นทางใหม่ โดยดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ก่อนที่จะกลับไปสังกัดพรรคเพื่อไทยในวันที่ 8 ธันวาคม 2564 และในการเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ได้สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย ในลำดับที่ 13 และได้รับการเลือกตั้งอีกครั้ง
ทั้งนี้ ในช่วงชีวิตของการเป็นนักการเมือง นายจาตุรนต์ ดำรงตำแหน่งมาแล้วมากมาย
- ปี 2539 - 2540 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ
- ปี 2544 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ปี 2545 เดือนมีนาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต่อมาเดือนตุลาคม ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
- ปี 2548 เดือนมีนาคม ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เดือนสิงหาคม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ขณะเดียวกัน ยังเคยได้รับรางวัลอีกมากมาย จากการทุ่มเททำงานและยึดมั่นในอุดมการณ์เพื่อส่วนรวม
- รางวัล “นักการเมืองมาตรฐานแห่งปี 2542” จากสมัชชา สสร.แห่งประเทศไทย
- นิตยสารเอเชียวีค (Asia Week) จัดให้เป็น 1 ใน 20 ผู้นำชาติในเอเชีย ที่มีบทบาทในศตวรรษที่ 20 เมื่อปี 2542
- นิตยสารต่างประเทศยกย่องให้เป็น 1 ใน 4 ผู้นำรุ่นใหม่ของประเทศไทยในปีเดียวกัน
- เป็นนักการเมืองคนที่ 4 ของประเทศไทยที่ได้รับเกียรติจากรัฐบาลออสเตรเลีย เชิญเป็นแขกของรัฐบาลในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ และทำประโยชน์ในสังคม เมื่อปี 2543
- นักศึกษาเก่าดีเด่นจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2544
- รางวัล “ลี กวน ยิว” จากประเทศสิงคโปร์ในปี พ.ศ. 2545 ซึ่งนับเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ได้รับรางวัลนี้ (คนแรกคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ยศในขณะนั้น) ในปี 2538)
- The Asian Forum of Parliamentarians on Population and Development (AFPPD) มอบโล่เกียรติคุณในฐานะผู้ประสานการประชุมร่วมรัฐสภาอาเซียนกับองค์การสหประชาชาติ เมื่อปี 2546
- รางวัล “บุคคลผู้มีอิทธิพลต่อสังคมไทย” (Thailand key's maker) ปี พ.ศ. 2546 จากการโหวตของประชาชนผ่านคลื่น 101 News Channel ด้วยผลงานการจัดระเบียบโฆษณาเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ เมื่อปี 2547