สวนดุสิตโพล ชี้ ประชาชนชื่นชอบ “คนละครึ่ง” สมัย “พล.อ.ประยุทธ์” ช่วยลดภาระค่าครองชีพได้ มองพรรคการเมืองที่มีนโยบายประชานิยมได้เปรียบ อยากให้รัฐบาลควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม
วันที่ 26 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับนโยบายลดค่าครองชีพ” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,216 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2568 สรุปผลได้ดังนี้
ประชาชนเข้าร่วมโครงการของภาครัฐใดบ้างที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพ
- 76.43% ระบุว่า คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์)
- 42.16% ระบุว่า คนละครึ่งพลัส (รัฐบาลอนุทิน)
- 33.61% ระบุว่า เงิน 10,000 บาท (รัฐบาลเพื่อไทย)
- 28.30% ระบุว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- 26.06% ระบุว่า เราเที่ยวด้วยกัน / เที่ยวไทยคนละครึ่ง
ประชาชนคิดว่าโครงการเหล่านี้ช่วยแก้ปัญหาปากท้องและลดภาระค่าครองชีพได้หรือไม่
- 78.04% ระบุว่า ช่วยได้
- 21.96% ระบุว่า ช่วยไม่ได้
ประชาชนชอบโครงการใดมากที่สุด
- 69.31% ระบุว่า คนละครึ่ง (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์)
- 33.03% ระบุว่า เงิน 10,000 บาท (รัฐบาลเพื่อไทย)
- 30.77% ระบุว่า คนละครึ่งพลัส (รัฐบาลอนุทิน)
- 29.52% ระบุว่า เราเที่ยวด้วยกัน / เที่ยวไทยคนละครึ่ง
- 18.31% ระบุว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
สิ่งที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในระยะยาวคืออะไร
...
- 61.92% ระบุว่า ควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสม
- 56.79% ระบุว่า เพิ่มมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม (เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย)
- 49.67% ระบุว่า ขยายโครงการคนละครึ่งให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
หากมีการเลือกตั้ง ประชาชนคิดว่าพรรคการเมืองที่มีนโยบายประชานิยมจะมีความได้เปรียบในการเลือกตั้งหรือไม่
- 67.43% ระบุว่า ได้เปรียบ
- 23.52% ระบุว่า ไม่ได้เปรียบ
- 9.05% ระบุว่า ไม่แน่ใจ
ทางด้าน ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุ จากนโยบายช่วยเหลือต่างๆ ของหลายรัฐบาล พบว่า “โครงการคนละครึ่ง” ยังคงครองใจ เพราะใช้ง่าย เข้าถึงจริง และเห็นผลชัดในชีวิตประจำวัน แม้จะเป็นมาตรการระยะสั้น แต่ช่วยสร้างความรู้สึกว่ารัฐอยู่เคียงข้างประชาชน ขณะเดียวกันการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างเพื่อสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว ก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะในยุคที่ประชาชนคาดหวังทั้งความเร็วในการช่วยเหลือและความยั่งยืนของผลลัพธ์ไปพร้อมกัน
ขณะที่ รศ.ดร.เขมภัทท์ เย็นเปี่ยม อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาปากท้องในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูงมากขึ้น เป็นนโยบายที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหามากที่สุด โดยเฉพาะการที่รัฐบาลมีโครงการช่วยเหลือประชาชน ให้มีกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยเพื่อการบริโภคสินค้าและการบริการ ช่วยเหลือผู้ประกอบขนาดเล็กและร้านค้ารายย่อยให้มีรายได้พยุงกิจการให้ดำเนินต่อไปได้เป็นการกระตุ้นให้เศรษฐกิจกลับมามีความคึกคัก ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้คล่องตัวมากขึ้น
โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งที่ได้มีการริเริ่มในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยและการบริโภคของประชาชนได้อย่างเห็นผล และโครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่กำลังดำเนินโครงการอยู่ในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ประชาชนรอคอยและคาดหวังว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาด้วยการควบคุมราคาสินค้าให้มีความเหมาะสม โดยเข้าไปตรวจสอบและควบคุมต้นทุนการผลิต อย่างเช่นราคาพลังงาน น่าจะเป็นการลดปัญหาค่าครองชีพและทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพื่อการบริโภคได้อย่างต่อเนื่อง มากกว่าการใช้นโยบายประชานิยมที่ทุ่มงบประมาณในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้นๆ ได้เป็นครั้งคราว