“เพื่อไทย” ซัดมติครม. “อนุทิน” ยกเลิกสถานะกีฬาโป๊กเกอร์ ทั้งที่สร้างรายได้กว่า 1,400 ล้านต่ออีเวนต์ ชี้ขัดกระแสโลก ปิดประตูเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยวใหม่


วันที่ 24 ต.ค. 2568 นายสรวงศ์ เทียนทอง รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิจารณ์กรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีมติ “ยกเลิกสถานะกีฬา” ของการแข่งขันโป๊กเกอร์ แล้วนำกลับไปอยู่ในหมวดการพนัน ว่าเป็นการตัดสินใจที่ขัดต่อกระแสโลกและแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยว พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า “นี่คือการตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์ของประเทศกันแน่”

โต้อ้างพนันฟังไม่ขึ้น

นายสรวงศ์ ระบุด้วยว่า สมาคมกีฬาเชิงสมองนานาชาติ (IMSA) ได้รับรองให้โป๊กเกอร์เป็น “กีฬาเชิงสมอง (Mind Sport)” ตั้งแต่ปี 2024 เพราะต้องอาศัยทักษะคิดวิเคราะห์ วางกลยุทธ์ และความอดทนทางจิตใจ อีกทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย (SAT) ก็มีมติในเดือนกรกฎาคม 2025 รับรองให้โป๊กเกอร์และแฟลกฟุตบอลเป็น “กีฬาอย่างเป็นทางการ” โดยมีข้อกำหนดห้ามเล่นพนันบนโต๊ะแข่งขันอยู่แล้ว จึงไม่อาจอ้างเหตุผลเรื่อง “การพนัน” ได้

สร้างรายได้ 1,400 ล้านต่ออีเวนต์

นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า โป๊กเกอร์ในระดับสากลปัจจุบันมีสมาชิกสหพันธ์กว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีนักกีฬากว่า 450,000 คน และฐานผู้เล่นกว่า 100 ล้านคน หากไทยใช้โอกาสนี้จัด “Poker Tour Festival” ปีละครั้ง จะสามารถสร้างรายได้มหาศาล เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านโรงแรม ศูนย์ประชุม และสนามบินนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เคยประเมินว่า นักท่องเที่ยวที่มาร่วมทัวร์นาเมนต์ 1 คน ใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000 บาทต่อวัน อยู่เฉลี่ย 7–14 วัน หากดึงผู้เข้าร่วมได้ 10,000 คน จะสร้างรายได้รวมกว่า 1,400 ล้านบาทต่ออีเวนต์

...

ยก “กัญชาเสรี” เปรียบเทียบ

นายสรวงศ์ ย้ำว่า โป๊กเกอร์ไม่ใช่การพนัน แต่เป็น “กีฬาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Sport)” ที่หลายประเทศใช้ส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวรายได้สูง การตัดสินใจของรัฐบาลอนุทินจึงสะท้อนภาพ “การเมืองนำเศรษฐกิจ” มากกว่าการพัฒนาประเทศ  การที่ รัฐบาลเร่งตีกรอบโป๊กเกอร์เป็นการพนันโดยอ้างผลกระทบต่อประชาชน กลับละเลยผลเสียจากนโยบาย “กัญชาเสรี” ซึ่งงานวิจัยของ Arizona State University (2025) พบสารพิษตกค้างในกัญชาที่ถูกยึด เช่น Mycotoxins และ Diacetoxyscirpenol ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งที่สหรัฐฯ มีมาตรฐานตรวจสารปนเปื้อนกว่า 30 รายการก่อนจำหน่าย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่จัดตั้งระบบตรวจ “Certificate of Analysis (COA)” สำหรับกัญชาในท้องตลาดเลย

ทำไทยเสียโอกาสศก.ท่องเที่ยวใหม่

 “ทำไมรัฐบาลถึงกล้าปล่อยสารเสพติดเชิงธุรกิจ โดยไม่สร้างมาตรฐานความปลอดภัย แต่กลับปิดกั้นกีฬาเชิงท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ” นายสรวงศ์ตั้งคำถาม พร้อมเตือนว่าการตัดสินใจนี้อาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสสร้าง “เศรษฐกิจท่องเที่ยวใหม่ (New Sport Tourism Economy)” ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อครั้ง และเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านในสมรภูมิการแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวรายได้สูง