“พล.อ.ณัฐพล” ยื่นคำขาดกัมพูชา ถ้าถกจีบีซี-เจบีซี ไม่สำเร็จ นายกฯ ไม่ลงนามสันติภาพ ลั่น ไม่จัดประชุมอีกให้เปลืองภาษี อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รมช.กลาโหม ยันหากไม่รับเป็นสิทธิ์ฝ่ายไทยปกป้องอธิปไตย


เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 21 ตุลาคม 2568 พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ว่า เป็นการประชุมสืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 10 กันยายน และการเลือกประเทศมาเลเซีย เพราะเป็นผลสืบเนื่องจากกรณี นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ไปหารือ 4 ฝ่ายที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา รวมถึงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 (ASEAN Summit 2025) ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปในสัปดาห์หน้า

ทางมาเลเซียจึงขอให้เราไปประชุมที่มาเลเซีย เพื่อที่จะรวมทั้ง 3 การประชุมไว้ด้วยกัน ส่วนความคาดหวังก็ 50:50 ที่ผ่านมา รมว.ต่างประเทศ ได้ไปพูดคุยและได้กรอบการทำงานมาแล้วในการประชุม GBC ที่จะต้องลงในรายละเอียด ซึ่งในการประชุม GBC เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ตกลงกันว่านำ 4 ประเด็นหารือในการประชุมคณะกรรมาธิการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงต้องย้อนกลับมาที่ GBC อีกครั้งเพื่อที่จะติดตามการทำงาน หากการประชุมครั้งนี้สำเร็จก็ถือเป็นเรื่องที่ดี อยากให้ช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชน ถ้าหนทางคลี่คลายสถานการณ์นำไปสู่สันติวิธีด้วยการเจรจาก็น่าจะเป็นไปในทางนั้น “ยืนยันได้ว่าเราจะไม่เป็นฝ่ายเสียเปรียบแน่นอน แต่หากไม่สำเร็จตนจะไม่ประชุมให้เปลืองภาษีอีกแล้ว”

...

ผู้สื่อข่าวถามต่อ การประชุม GBC ครั้งนี้ต้องกำหนดไทม์ไลน์ใน 4 ประเด็น เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่การลงนามเป็นภาพกว้างๆ ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ตอบว่าต้องกำหนด จากบทเรียนครั้งที่แล้วเราให้โอกาส อยากจะเรียนให้เข้าใจว่านโยบายของรัฐบาลไม่ใช่ว่าจะสันติอย่างเดียว แต่เราทำตามขั้นตอนโดยยึดกติกาสากลที่สังคมโลกเขาใช้กัน แต่ถ้าเราทำจนถึงที่สุดแล้วกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

เมื่อถามอีกว่าหากกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือ ไม่กำหนดแผนปฏิบัติใน 4 เงื่อนไข จะส่งผลกระทบต่อเวทีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิตหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า “มีผล แต่เราคงไม่สนใจแล้ว เพราะเป็นเรื่องอธิปไตยของไทยเราก็มีศักดิ์ศรี และพยายามทำด้วยสันติวิธีตามกติกาสากลแล้ว แต่เขาไม่ให้ความร่วมมือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”

สำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทยกัมพูชา (JBC) ที่จะหารือกรณีบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พื้นที่ที่ไม่ได้ถูกอ้างสิทธิ์แต่เป็นเขตอธิปไตยของไทยที่ถูกรุกล้ำ จะต้องคุยในเวทีนี้ด้วยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า อยากให้ความเป็นธรรมและฟังเหตุและผล เวที JBC ที่ไปพูดคุยกันเฉพาะพื้นที่ที่มีการอ้างสิทธิ์ ไปดูเส้นอ้างสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย แต่พื้นที่ที่นอกเหนือจากพื้นที่อ้างสิทธิ์ GBC ถือว่าเป็นพื้นที่อธิปไตยของไทย ในชั้นต้นไม่ใช่ว่าเราไปรับเส้นเขตแดนของกัมพูชา เพียงแต่ในขั้นนี้เราต้องรีบดำเนินการเอาที่ดินของคนไทยคืนมาให้คนไทย

ดังนั้น พื้นที่ที่ทำได้คือที่อยู่นอกพื้นที่อ้างสิทธิ์ การประชุม JBC ครั้งนี้ดีที่สุดคือตกลงกันได้เลย ดีรองลงมาคือการกำหนดเส้นที่ทางสากลเขาเรียกว่า Line of Actual Control แต่หากตกลงไม่ได้จริงๆ ก็ให้ยึดตามเส้นอ้างสิทธิ์นั้น แต่นอกเหนือเส้นอ้างสิทธิ์ต้องเป็นพื้นที่ของไทย เราจะต้องจัดการตรงนั้น แต่หากเขาไม่ยอมคุยเลยเราก็ไม่สนใจแล้ว ของเราถือตรงไหนก็คือตรงนั้น “ย้ำว่าพื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่อ้างสิทธิ์จะมีการพูดคุยใน GBC และเร่งให้กัมพูชากำหนดแผนอพยพคนออกจากพื้นที่ หากประชุมไม่สำเร็จ การลงนามสันติภาพคิดว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิต รวมทั้งยืนยันว่าการประชุม GBC รอบนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ไม่ประชุมให้เปลืองภาษีอีกแล้ว”

ทางด้าน พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุม GBC ว่า ขณะนี้รอทางกัมพูชาตอบรับเงื่อนไขของฝ่ายไทย ทั้งในเวทีการประชุม GBC และการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC)

เมื่อถามว่ากัมพูชาต้องตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยทั้ง 4 ข้อใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์ ตอบว่า ทุกคนกำลังรอคำตอบ และความคาดหวังคือกัมพูชาต้องให้ความร่วมมือ แต่หากเขาไม่ร่วมมือเราก็มีความชอบธรรมในการปกป้องอธิปไตย ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการปกป้องอธิปไตยจะเป็นไปในรูปแบบใด โดย พล.ท.อดุลย์ ไม่ได้ตอบคำถาม ส่วนกรณีที่มีการมองว่าไทยเป็นฝ่ายตั้งรับเกินไปหรือไม่ พล.ท.อดุลย์ ไม่ตอบคำถามเช่นกัน ก่อนเดินขึ้นตึกบัญชาการเพื่อไปประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทันที.