โฆษกรัฐบาล-กองทัพไทย ยืนยันไทยไม่มีปล่อยตัว 18 เชลยศึก หากกัมพูชา ไม่ทำตามข้อตกลงปราบสแกมเมอร์ และข้อตกลงที่เหลือ ย้ำนายกฯ ไม่แทรกแซงวงเจรจา เร่งรัดประชุม JBC
วันที่ 18 ต.ค. 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาทั้ง 18 คน ว่า ตนตรวจสอบข้อมูลจากนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แม้ว่าจะติดภารกิจอยู่ที่ต่างประเทศ เนื่องจากมีข้อกังวลในหลายอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าการนำเสนอข่าวของกัมพูชา ว่าไทยจะมีการปล่อยเชลยศึกทั้ง 18 คนนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจากการประชุมร่วมกับทางกัมพูชา ครั้งก่อน มีการพูดคุยต่อรอง อยากให้ไทยปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน แต่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันไปว่า จะต้องดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อของการประชุม GBC ครั้งที่ผ่านมาคือการถอนกำลังทหาร การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การจัดการปัญหาสแกมเมอร์ และมีการผลักดันชาวกัมพูชา ที่รุกล้ำอยู่ในพื้นที่ดินแดนไทย ออกจากพื้นที่ แต่หากไม่มีการดำเนินการ 4 ข้อตกลงดังกล่าว ก็จะไม่มีการเจรจาการปล่อยตัวเชลยศึกทั้ง 18 คน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า จากกรณีที่มีการระบุว่า นายกรัฐมนตรีไทย มีการเร่งรัด ให้ประชุม JBC ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีการแทรกแซง ซึ่งเน้นย้ำว่าเป็นไปตามปฏิทิน ที่ได้มีการตกลงไว้แล้วก่อนหน้านี้ เพื่อหาทางออกร่วมกัน
ส่วนที่มีการซักถามว่าหากมีการประชุม JBC ถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ยกเลิก MOU 43-44 หรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าได้รับคำตอบจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าการประชุม JBC เป็นการพูดคุยกันในเรื่องแนวทางที่จะดำเนินการ เช่นการใช้ระบบไลดาร์ ในการหาพิกัด ซึ่งไม่มีพันธะผูกพันสัญญาใดๆ แต่เป็นการพูดคุยหาแนวทางร่วมกัน เท่านั้น
...
กองทัพไทย โต้ข่าวปล่อย 18 เชลยศึกกัมพูชา ยืนยัน “ไม่เป็นความจริง”
ด้านพลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง และขอยืนยันว่า ไม่มีการปล่อยตัวเชลยศึกชาวกัมพูชาทั้ง 18 นาย แต่อย่างใด
การควบคุมตัวเชลยศึกเป็นไปตามหลักปฏิบัติสากล ภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งด้วยอาวุธ โดยกองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างเคร่งครัดตาม หลักมนุษยธรรมและอนุสัญญาเจนีวา (Geneva Conventions) เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ถูกควบคุมตัวทุกนาย ขอเรียกร้องให้ สื่อมวลชนและประชาชนใช้ความระมัดระวังในการรับและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร และขอให้ติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวทางการเท่านั้น