สว.อังคณา-สุณัย" ยื่น ผบ.ตร. ขอตำรวจคุ้มครองความปลอดภัย หลังถูกขู่ฆ่าเอาชีวิต ยันเดินหน้าวิจารณ์เพื่อปกป้องสิทธิ


วันที่ 16 ตุลาคม 2568 นางอังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยนายสุณัย ผาสุข นักวิจัยอาวุโสจากองค์การฮิวแมนไรท์วอทช์ ยื่นคำร้องต่อ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เพื่อขอให้ดำเนินการตามกฎหมายคุ้มครองนักปกป้องสิทธิมนุษยชน หลังถูกโจมตีและคุกคามทางออนไลน์อย่างรุนแรงถึงขั้นข่มขู่เอาชีวิต

สว.อังคณาเปิดเผยว่า ตนและนายสุณัยถูกคุกคามทางสื่อออนไลน์และข่มขู่เอาชีวิตตัวเองและครอบครัวอย่างหนัก นับตั้งแต่ไปออกรายการดังหลายรายการ และถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องจากแฟนคลับของ "กัน จอมพลัง" จนรู้สึกว่าไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

"ดิฉันไม่เข้าใจว่าการที่เราออกมาแสดงความคิดเห็นตั้งคำถามกับรัฐบาลในเรื่องที่ให้เอกชนเข้าไปในพื้นที่กฎอัยการศึกได้อย่างไร จะทำให้ถูกคุกคามกล่าวหาว่าไม่รักชาติ" สว.อังคณากล่าวพร้อมเผยว่า มีการโทรศัพท์ข่มขู่ด้วยวาจาว่า “มึงเป็นคนเขมรหรือเปล่า” ซึ่งตนยืนยันว่ารักชาติไม่ต่างจากใคร และการคุกคามดังกล่าวได้เกินกว่าขอบเขตเสรีภาพในความคิดเห็นไปแล้ว

สว.อังคณาเปิดเผยต่อว่า หลังจากที่เป็นข่าวทาง ผบ.ตร. ได้ส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ เข้ามาดูแลความปลอดภัยที่บ้านพักตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา ยืนยันว่าแม้จะถูกคุกคามเชิงความคิด แต่ก็จะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะนักสิทธิมนุษยชนต่อไป พร้อมยอมรับว่าอำนาจรัฐล้มเหลวจนไม่สามารถปกป้องนักสิทธิมนุษยชนได้ พร้อมกันนี้ได้เรียกร้องให้ทางการไทยควรให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การแสดงความรักชาติของตนคือการพยายามทำให้ประเทศไทยสามารถยืนอยู่บนเวทีสากลได้อย่างสง่างาม

...

ด้าน นายสุณัยกล่าวเพิ่มเติมว่า ถูกคุกคามเอาชีวิตทางโซเชียลมีเดียเช่นกัน การวิพากษ์วิจารณ์ของนักสิทธิมนุษยชนทำไปเพราะหวังดีกับประเทศ ไม่อยากให้ไทยเสียเปรียบบนเวทีโลก และการกระทำดังกล่าวมีหลักฐานพยานเชิงประจักษ์  ไม่ได้ทำอยู่บนอารมณ์ความรู้สึก ทั้งเสียงผีและเสียง F-16 ซึ่งการหวังดีต่อประเทศชาติกลับกลายเป็นช่องทางให้ถูกโจมตีและถูกล่าแม่มดสร้างความเกลียดชัง โดยมีถึงขั้นที่มีดาราท่านหนึ่งพูดออกอากาศว่าจะนำรถคูโบต้ามาเหยียบ สว.อังคณาให้ไส้ไหล พร้อมตั้งคำถามถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ากำลังทำอะไรอยู่ถึงเงียบหายไป

ทั้งนี้ทั้งสองยืนยันว่า การเข้าร้องเรียน ผบ.ตร. ในวันนี้เป็นการดำเนินการตามอำนาจของตำรวจที่ต้องสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดทางอาญามาดำเนินคดี