“เทวฤทธิ์ มณีฉาย” ยื่นญัตติถึงประธานวุฒิสภา เสนอ สว. ชะลอให้ความเห็นชอบ 2 กกต. หวั่นผลประโยชน์ขัดกัน ในคดีฮั้ว สว. หลังบรรจุวาระตั้ง กกต. 20 ต.ค.นี้
วันที่ 17 ต.ค. 2568 จากกรณีที่ประธานวุฒิสภามีคำสั่งให้นัดประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 20 ต.ค. 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมวุฒิสภา ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ด่วนมาก ที่ สว 0007/(ว 19) ลงวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีระเบียบวาระการประชุมเรื่องด่วน เรื่อง ให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560) จำนวน 2 คน ประกอบด้วย คือนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ และนายณรงค์ รักร้อย เพื่อแทน อิทธิพร บุญประคอง และสันทัด ศิริอนันต์ไบูลย์ กกต.ที่พ้นวาระไปนั้น
ล่าสุด นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า ได้ยื่นญัตติถึงประธานวุฒิสภา ผ่านระบบออนไลน์เพื่อขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งตามระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 20 ต.ค. 2568 จนกว่าจะมีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้อง แล้ว โดยหวังว่าญัตติดังกล่าวจะถูกบรรจุในระเบียบวาระการประชุมก่อนวาระให้ความเห็นชอบ กกต. ดังกล่าว เนื่องจากตนเพิ่งได้รับแจ้งว่าจะมีวาระนี้ช่วงเย็นวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงถือว่าค่อนข้างกระชั้นมาก หวังว่าประธานวุฒิสภาจะให้ความกรุณาบรรจุวาระชะลอนี้ รวมทั้งหวังว่าสมาชิกวุฒิสภาจะเห็นชอบในการชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบ กกต.ออกไปก่อน
...
แม้ญัตติซึ่งมีหลักการเช่นเดียวกันนี้ ตนเคยเสนอเพื่อพิจารณาในที่ประชุมวุฒิสภาไปแล้วนั้น แต่พฤติการณ์ขณะนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปเนื่องจาก เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2568 สำนักงาน กกต. เปิดเผยความคืบหน้าของสำนวนการสืบสวนและไต่สวนคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้องนี้ อยู่ในชั้นที่ 3 โดยคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 36 อยู่ระหว่างพิจารณาสำนวนและจัดทำความเห็น เพื่อเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณามีคำวินิจฉัยในชั้นต่อไป จึงเห็นว่าไม่ใช่การเสนอญัตติซ้ำ
สำหรับหนังสือขอเสนอญัตติที่นายเทวฤทธิ์เสนอนั้น ระบุว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวน ไต่สวน หรือพิจารณาคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกกล่าวหา มีเหตุอันควรสงสัยว่าได้กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ม.70 ประกอบ ม. 36 ม.77 (1) และ ม. 62 ซึ่งขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ชี้แจงว่า สำนวนการสืบสวนและไต่สวนอยู่ในชั้นที่ 3 คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งแล้ว เมื่อคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งได้พิจารณาแล้ว จะทำความเห็นและเสนอสำนวนให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาต่อไป
ดังนั้น เพื่อเป็นหลักประกันในกระบวนการสืบสวน ไต่สวน หรือพิจารณาคดีของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่สมาชิกวุฒิสภาตกเป็นผู้ถูกร้องจำนวนมากในขณะนี้จะดำเนินการไปโดยอิสระ เป็นกลาง ปราศจากการแทรกแซง ผู้ทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดีจึงไม่ควรมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับคู่ความในคดี โดยเฉพาะการให้ความเห็นชอบผู้เข้ามาดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพิ่มเติมในขณะนี้ อันจะทำให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความยุติธรรมหรือความเป็นกลางต่อการปฏิบัติหน้าที่ทั้งต่อวุฒิสภาและคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ ดังเจตนารมณ์ที่ปรากฏเป็นนัยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ม. 185 ที่ห้ามมิให้สมาชิกวุฒิสภาใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นสมาชิกวุฒิสภากระทำการใด ๆ อันมีลักษณะที่เป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องที่เกี่ยวกับการปฏิบัติราชการประจำของเจ้าหน้าที่ของรัฐ การเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้เงินงบประมาณหรือโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐ รวมถึงการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน หรือการให้พ้นจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งการรับรองบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมีมาตรฐานต่ำกว่าบทบัญญัติดังกล่าว จึงขอให้วุฒิสภาชะลอการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้งตามระเบียบวาระการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 26 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันที่ 20 ต.ค. 2568 จนกว่าจะมีคำตัดสินเป็นที่ยุติในคดีที่สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากตกเป็นผู้ถูกร้อง