รมว.คลัง เผย ถก ครม.เศรษฐกิจนัดแรก ประชุมเปิดตัวโครงการคนละครึ่งพลัส ผุดเที่ยวเมืองรอง 1 หมื่นบาท ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่า ชู "Netflix Policy" วิเคราะห์งบฯ แต่ละนโยบาย ด้านโฆษกรัฐบาล เผย สัปดาห์หน้ามีวาระมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้า ครม.


วันที่ 15 ตุลาคม 2568 นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ หัวหน้าหน่วยงานสำคัญทางเศรษฐกิจ อาทิ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สมาคมธนาคารไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วม


นายเอกนิติ เปิดเผยว่า หนึ่งในหัวข้อสำคัญของการประชุม คือการเปิดตัว โครงการคนละครึ่งพลัส โดยเริ่มเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วตั้งแต่วันนี้ (15 ต.ค.) จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. 2568 และอยากจะเชิญชวนร้านค้าผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ค้า ให้เข้าร่วมโครงการฯ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มยอดขาย วันนี้ถ้าพ่อค้าแม่ค้าที่เคยอยู่ในโครงการคนละครึ่ง และใช้ถุงเงินเป็นประจำ มีข้อมูลทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก โดยไปอัปเดตและกดยืนยันเข้าร่วม


สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ยังไม่เคยลงคนละครึ่ง สิ่งที่ต้องทำคือไปสมัครคนละครึ่งพลัส ดอทคอม รวมทั้งเอาบัตรประชาชน และถ่ายรูปร้านค้าว่าขายของจริง ซึ่งคลังได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร เพื่อให้มีการยืนยันตัวตนที่ธ.กรุงไทยได้ทุกสาขา ใช้เวลาตรวจสอบ 2-3 วัน ข้อมูลผ่านก็สามารถเข้าร่วมโครงการ รับเงินได้ ซึ่งจะเริ่มเปิดลงทะเบียนสำหรับพ่อค้าแม่ค้าวันนี้ 15 ต.ค. - 19 ธ.ค. 2568 ทยอยลงได้ ท่านก็จะได้สิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสในฐานะพ่อค้าแม่ค้า นอกจากเป็นบุคคลธรรมดาแล้ว นิติบุคคล รายเล็กที่เป็นเอสเอ็มอี และไมโครเอสเอ็มอี ก็ยังเข้าร่วมได้ จากเดิมที่ไม่สามารถเข้าร่วมได้ จากเดิมที่นิติบุคคลไม่สามารถเข้าร่วมได้ โมเดิร์นเทรดจะเข้าร่วมไม่ได้

...


ส่วนประชาชนหรือผู้ซื้อ จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 20 ต.ค. 2568 ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้ เวลาท่านไปซื้อของรัฐก็ช่วยจ่ายครึ่งหนึ่ง ภายใต้สิทธิคนละครึ่ง


สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป จากเดิม 18 ปี เพราะถือว่ามีรายได้ไม่จำกัดอายุ และช่วยประชาชนลดค่าใช้จ่ายลงไปครึ่งหนึ่ง เริ่มใช้ได้วันที่ 29 ตุลาคม 2568


นายเอกนิติ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวไปเดินตลาดมาเมื่อเช้าร้านค้าถามว่าจะเข้าร่วมโครงการต้องทำอย่างไร วันนี้เปิดลงทะเบียนแล้ว ส่วนประชาชนก็จะไปถามว่าป้าเข้าโครงการคนละครึ่งพลัสหรือเปล่า ถ้าเข้าก็สามารถสแกนจ่ายได้เลย ก็จะง่ายขึ้น เปิดใช้วันนี้ 29 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. 2568


วันนี้มีการรายงานให้คณะกรรมการนโยบายทีมเศรษฐกิจรับทราบสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว มีกำหนดการอย่างไรทำเรื่องบัตรสวัสดิการไปเรียบร้อย ซึ่งคนที่ไม่มีเงินไปสมทบคนละครึ่ง ก็สามารถได้เงินต่อเดือน เริ่ม 29 ต.ค. เขาก็จะมีเงินจับจ่ายสินค้าที่จำเป็น รวมกับของเดิม 300 บาท รัฐเติม 1,700 บาท รวม 2,000 บาท ใช้ได้ 29 ต.ค. - 31 ธ.ค. 2568


สำหรับคนที่อยู่ในระบบภาษีจะได้เงิน 2,400 บาท เพราะโครงการฯ มาจากคนเสียภาษี วันนี้มีการเสนอคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โครงการต่อไปที่เราจะทำคือกระตุ้นการท่องเที่ยว มาตรการท่องเที่ยวที่นำเสนอในวันนี้ได้รับความคิดเห็นมากมาย ซึ่งจะนำเสนอเข้าครม.ในสัปดาห์ถัดไป


เที่ยวเมืองรอง 1 หมื่นบาท ลดหย่อนภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท


ในส่วนของประชาชนเราจะให้ลดหย่อนภาษี 20,000 บาท เพื่อที่จะนำไปท่องเที่ยว เริ่มวันที่ 29 ต.ค. - 15 ธ.ค. 2568 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่ถ้าไปท่องเที่ยวเมืองรอง สามารถนำไปหักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ไปใช้จ่ายเมืองรอง 10,000 บาท ท่านจะได้หักลดหย่อนภาษี 15,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้เงินกระจายไปเมืองรองด้วย


นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอจากภาคเอกชน ประธานสภาหอการค้า ซึ่งบอกว่าจริง ๆ นิติบุคคลก็ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ เพราะบริษัทใหญ่ๆ ก็พาไปเที่ยวต่างประเทศ ให้หันมาเที่ยวเมืองไทย จึงมีข้อเสนออยากให้นิติบุคคลพาคนในบริษัทไปเที่ยวได้ด้วย ตรงนี้กำลังดูจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้เท่าไร ซึ่งตรงนี้เป็นข้อเสนอใหม่จากภาคเอกชน นอกจากนั้นภาครัฐก็ยังมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเช่นเดียวกัน ปกติภาครัฐมีงบประมาณอยู่แล้ว ไม่ได้ใช้งบประมาณใหม่ในส่วนของราชการมี 3,000 กว่าล้านบาท รัฐวิสาหกิจ 3,000 กว่าล้าน และ อปท. มีงบตั้งไว้จัดอบรมสัมมนา แทนที่จะไปจัดอบรมในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ซบเซามาก การท่องเที่ยวในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา การใช้จ่ายติดลบประมาณ 8% เพราะฉะนั้นเราต้องฟื้นเศรษฐกิจ ฟื้นการท่องเที่ยว เลยให้ทำนโยบายการกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ และการเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ (Front Load) จากปกติที่รอใช้จ่ายในไตรมาส 3-4 ต้องให้เบิกให้ได้ภายใน ม.ค. ประมาณ 60% ของงบสัมมนา ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นดีมานด์ในช่วงนี้


นอกจากนั้นมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวกระตุ้นสั้น เพิ่มการจับจ่ายใช้สอย ได้ผลยาว ซึ่งเราจะมีมาตรการต่างๆ ให้โรงแรมที่พักโดยเฉพาะเมืองรอง โดยรัฐบาลเตรียมเสนอให้โรงแรมโดยเฉพาะในเมืองรอง สามารถหักภาษีจากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงแรม เช่น การติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ติดโซลาร์เซลล์ หรือลดการใช้น้ำ ลดของเสีย ได้ในอัตรา 2 เท่า เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระยะยาว


มาตรการ Quick Big Win ต้องเห็นผลในระยะสั้น กระจายประโยชน์ให้ทั่วถึง โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบแนวทางให้ทุกกระทรวงจัดทำแผนปฏิบัติการรายเดือน โดยเน้นโครงการที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง มีผลกระตุ้นในระยะสั้น และสามารถกระจายรายได้ได้ทั่วถึงทั่วประเทศ


ชู "Netflix Policy" วิเคราะห์งบฯ แต่ละนโยบาย


โดยกระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานแรกที่จัดทำนโยบายในรูปแบบ "Netflix Policy" ซึ่งจะวิเคราะห์ว่าแต่ละนโยบายใช้งบประมาณเท่าใด สูญเสียรายได้รัฐเท่าใด และสร้างผลประโยชน์ต่อประเทศได้เพียงใด


มาตรการด้านภาษีทั้งหมด เช่น หักภาษีจากการท่องเที่ยว หรือการลงทุนปรับปรุงโรงแรม จะมีผลจนถึงเดือนมีนาคม 2569 เพื่อให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการวางแผนปรับปรุงกิจการ


นายเอกนิติ ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมโดยกระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต ได้มีการพูดถึงการลดภาษีของสถานบริการต่างๆ ในช่วงนี้ จาก 10% เป็น 5% โดยจะประสานกับกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากสถานบริการของกระทรวงมหาดไทย และกรมสรรพสามิตยังไม่เชื่อมโยงกัน ดังนั้นจะร่วมมือกันพิจารณาขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการที่ยังไม่ถูกต้อง และไม่ได้สิทธิประโยชน์เหล่านี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อให้เข้าระบบอย่างถูกต้อง โดยไม่ต้องมาแอบเปิด เพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย ทั้งหมดนี้จะเป็นการกระตุ้นเกิดการค้าต่างๆ ให้เป็นไปอย่างคึกคัก รวมเป็นมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว เป็นแพ็กเกจที่จะเกิดขึ้น และใช้ได้จนถึงเดือนมีนาคม 2569


ส่วนของภาครัฐ จะมีการตั้งเป้าการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 2569 ให้เร็วขึ้น โดยกำหนดให้จะต้องเบิกจ่ายงบประมาณ ให้ได้มากกว่า 93% และในส่วนของงบลงทุนจะต้องเบิกจ่ายไม่น้อยกว่า 75% หลังจากในปีงบประมาณ 2568 เบิกจ่ายงบลงทุนได้เพียง 65% ของงบลงทุนทั้งหมด ส่วนงบเหลื่อมปี ที่มีจำนวนกว่า 300,000 ล้านบาท ซึ่งถูกโยกมาจากงบประมาณปี 2568 จะให้เร่งเบิกจ่ายให้หมดภายในไตรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2569 หรือเดือนมีนาคม


มีประสิทธิภาพอันนี้จะช่วยเอาเงินเก่าที่ไม่มีประสิทธิภาพมาฟื้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันงบปีใหม่ของราชการและวิสาหกิจเยอะมาก ส่วนราชการนั้นมีงบอนุมัติไปแล้ว 3.78 ล้านล้านบาท เลยมีการตั้งเป้าเบิกจ่ายและกำหนดเป็นเคพีไอ ของหน่วยราชการ ปีนี้ให้เบิกจ่ายงบประมาณต้องไม่ต่ำกว่า 93% และงบลงทุนซึ่งจะเป็นตัวสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจระยะยาว ต้องเบิกจ่ายไม่ต่ำกว่า 75%


สัปดาห์หน้าเตรียมชงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้า ครม.


นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า วันนี้มีประมาณ 3-4 ประเด็นที่ได้รับความสำคัญจากนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การเปิดตัวโครงการคนละครึ่งพลัส มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การติดตามประสิทธิภาพของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงตัวเลขอย่างชัดเจน


โดยในสัปดาห์หน้า รัฐบาลเตรียมนำเสนอมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และจะเร่งเดินหน้าทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อผลักดันเศรษฐกิจในช่วงปลายปีให้ฟื้นตัวอย่างมั่นคง