ที่ประชุมร่วมรัฐสภา พร้อมใจโหวตรับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 2 ฉบับ ของพรรคประชาชน และภูมิใจไทย แต่ตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย เหตุ สว. ลงคะแนน 60 เสียง ไม่ถึง 1 ใน 3 ถือว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา ไม่รับหลักการ
เมื่อเวลา 14.52 น. วันที่ 15 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หลังจากมีการอภิปรายเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ให้สมาชิกลงมติว่าจะรับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ทั้ง 3 ฉบับ หรือไม่ ประกอบด้วย ฉบับที่ 1 ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาชน ฉบับที่ 2 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย และฉบับที่ 3 ของนายชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย โดยเป็นการเรียกชื่อสมาชิก และลงคะแนนโดยเปิดเผย แต่เนื่องจากมีร่างแก้ไขถึง 3 ฉบับ และเป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา ที่จะรับหลักการทั้ง 3 ฉบับ หรือรับฉบับใดฉบับหนึ่งก็ได้ ประธานรัฐสภาเห็นว่าการลงคะแนนควรแยกลงคนละฉบับ เพื่อทำให้สมาชิกที่อภิปรายลงคะแนนแบบไม่เสียสิทธิ์ โดยให้ความเป็นธรรมกับทุกร่าง ทุกฉบับ พร้อมทั้งเชิญ สมาชิกรัฐสภา 6 คน เป็นกรรมการตรวจนับคะแนน ประกอบด้วย พรรคประชาชน 1 คน พรรคเพื่อไทย 1 คน พรรคภูมิใจไทย 1 คน พรรคร่วมไทยสร้างชาติ 1 คน และวุฒิสภา 2 คน โดยมีผู้แสดงตนจำนวน 600 คน ถือว่าครบองค์ประชุม การลงมติจะต้องเป็นการขานว่ารับหรือไม่รับหลักการ หรืองดออกเสียง ในแต่ละฉบับ ทั้งนี้จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนรัฐสภา แต่ต้องมีเสียงของ วุฒิสภา 1 ใน 3 คือ 66 เสียงด้วย จึงจะถือว่าผ่าน
โดยที่ประชุมได้ลงคะแนนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ 1 ของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ พรรคประชาชน
รับหลักการ 568 เสียง
...
ไม่รับหลักการ 10 เสียง
งดออกเสียง 74 เสียง
ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง และมีสมาชิกวุฒิสภาลงคะแนน 108 เสียง ถือว่าเกิน 1 ใน 3 เพราะฉะนั้นถือว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา “รับหลักการ”
ฉบับที่ 2 ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย
รับหลักการ 629 เสียง
ไม่รับหลักการ 8 เสียง
งดออกเสียง 15 เสียง
ถือว่าเกินกึ่งหนึ่ง และมีสมาชิกวุฒิสภาลงคะแนน 167 เสียง ถือว่าเกิน 1 ใน 3 เพราะฉะนั้นถือว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา “รับหลักการ”
ฉบับที่ 3 ของนายชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย
รับหลักการ 521 เสียง
ไม่รับหลักการ 16 เสียง
งดออกเสียง 115 เสียง
ถือว่าเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา แต่มีสมาชิกวุฒิสภาลงคะแนน 60 เสียง ไม่ถึง 1 ใน 3 เพราะฉะนั้นถือว่าที่ประชุมร่วมรัฐสภา “ไม่รับหลักการ”
ส่วนเพจพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคเพื่อไทยถูกตีตก โดย สว. แต่เจตนารมณ์แก้รัฐธรรมนูญต้องไปต่อ พร้อมโหวตร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก เพื่อรักษาหลักการ สสร.ยึดโยงกับประชาชน
ขานชื่อใหม่พรรคประชาชนพลิกกลับมาชนะ
ขณะที่ที่ประชุมได้โหวตเห็นชอบให้ใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก แต่ที่ประชุมได้เกิดการประท้วงขอให้นับคะแนนใหม่
ต่อมาเวลา 17.50 น.ที่ประชุมรัฐสภา ได้ขานชื่อลงคะแนนเป็นรายบุคคลว่าจะใช้ร่างพรรคประชาชนหรือร่างพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก ใช้เวลาขานชื่อลงคะแนนนาน 2 ชั่วโมง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางกลับมาที่รัฐสภา เพื่อโหวตลงคะแนนให้ร่างพรรคภูมิใจไทยด้วย กระทั่งเวลา 19.40 น.หลังการขานคะแนนเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ ขานผลคะแนนว่า ร่างของพรรคประชาชนได้ 300 คะแนน ร่างของพรรคภูมิใจไทยได้ 287 คะแนน ถือว่าใช้ร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ก่อนสั่งปิดประชุมเวลา 19.45 น.