“ณัฐพงษ์” ขอ นายกฯ อนุทิน จริงจังปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหมือนสั่งย้ายข้าราชการ ชี้ยิ่งนิ่งนอนใจสังคมจะคิดใส่เกียร์ว่าง ซัดเป็นนายกฯ ที่มีความรับผิดชอบเรื่องชายแดนน้อยเกินไปเพราะมีอะไรก็โยนให้ฝ่ายความมั่นคง อุบบอกวันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ อัด “ร.อ. ธรรมนัส” ยังไม่ได้คำตอบร่วมเฟรมทำบุญ “เบน สมิธ”
วันที่ 15 ตุลาคม 2568 เมื่อเวลา 11.30 น. ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน ฐานะผู้นำฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน กรณีที่นายรังสิมันต์ โรม สส. พรรคประชาชน โพสต์ตามหานายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจากที่ไม่เห็นการออกมาจัดการปัญหาสแกมเมอร์ในประเทศกัมพูชา ว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาที่นานาชาติให้ความสำคัญ นอกจากสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ล่าสุดมีสหราชอาณาจักร ที่จะเริ่มดำเนินการจริงจังปราบปรามเครือข่ายสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ที่อยู่บริเวณชายแดนของประเทศไทย ที่มีพื้นที่ติดกับกัมพูชา ไทยควรเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีบทบาทหลักในการแก้ปัญหานี้ เพราะกระทบต่อโลก และอยากให้นายกรัฐมนตรีออกมาแสดงท่าทีอย่างจริงจัง ขณะที่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการของกระทรวงมหาดไทยกลับทำอย่างรวดเร็ว จึงอยากจะเห็นการปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เข้มข้นรวดเร็วเหมือนย้ายข้าราชการ และเข้าใจว่าปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา หากจะใช้วิธีการแก้ปัญหาแบบรัฐต่อรัฐซึ่งมีกระบวนการทวิภาคีอยู่แล้ว และตัวผู้นำประเทศอาจมีความเกี่ยวข้องของเครือข่ายแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ เรื่องนี้แยกเป็นอีกประเด็น ซึ่งเรามีกลไกดำเนินการอยู่แล้ว เช่น ICC ที่รัฐบาลไทยสามารถดำเนินการได้เลย
ส่วนที่นายรังสิมันต์ โรม อภิปรายในสภาชี้ให้เห็นว่าคนที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์อาจเกี่ยวข้องกับรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนายอนุทิน ยิ่งนายกรัฐมนตรีช้าหรือนิ่งนอนใจในเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็จะเป็นการแสดงออกให้สังคมเห็นว่านายกฯ ใส่เกียร์ว่างไม่จัดการคนของตัวเอง ที่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ ยิ่งทำเร็วได้เท่าไหร่ก็ยิ่งสร้างความโปร่งใส ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้ ซึ่งฝ่ายค้านใช้ทุกกลไกทั้งในสภาและกรรมาธิการให้มาชี้แจงแต่ก็ไม่ได้มา ส่วนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเป็นอาวุธสำหรับในการตรวจสอบรัฐบาล ซึ่งตอนนี้ยังไม่จำเป็น และยังไม่ต้องถึงจุดนั้นและถ้า นายกรัฐมนตรียังช้าที่จะตรวจสอบ ฝ่ายค้าน ก็จะยกระดับในการทำหน้าที่นิติบัญญัติ และ ฝ่ายค้านเสียงข้างมากดดันให้รัฐบาลทำงานให้เข้มข้นมากขึ้น
...
ส่วนมองท่าทีของนายอนุทินต่อการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นอย่างไรนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ว่าจะเป็นชายแดนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์นายกรัฐมนตรีอาจจะลงไปแสดงความรับผิดชอบในฐานะผู้นำสูงสุดของฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายบริหารน้อยเกินไป สังเกตจากการให้ข่าวมีอะไรก็จะโยนให้ฝ่ายความมั่นคงหรือแม้แต่กรณีการเปิดคลิปเสียงบนรถแห่ นายกฯ ก็ยังโยนไปให้ฝ่ายความมั่นคงอยู่ดี จึงต้องจี้ไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหารไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบในส่วนนี้ได้
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ที่ฝ่ายค้านได้ยกมือโหวตเลือกนายอนุทินเป็นนายกฯ ตาม MOA จึงไม่อยากให้คะแนน เพราะไม่ได้เลือกมาให้บริหารประเทศ เลือกมาให้เป็นนายกฯ เฉพาะกิจแค่ 4 เดือน จะให้คะแนนเท่าไหร่ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน 6 เดือนข้างหน้าดีกว่า
ส่วนการยื่นซักฟอก นายกรัฐมนตรีไม่สามารถเปิดเผยหรือบอกล่วงหน้าได้ เพราะถ้านายกรู้ก่อนก็ยุบสภาก่อนแน่นอน หากจะยื่นจะส่งตรงไปถึงประธานสภาโดยตรง
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า การประชุมครม.เมื่อวานนี้ที่ได้แต่งตั้งข้าราชการ 45 ตำแหน่งว่าได้เปิดช่องทางหากใครคิดว่าได้รับความไม่เป็นธรรมสามารถร้องเรียนมาได้ ส่วนเป็นการโยกย้ายข้าราชการเพื่อที่จะเตรียมพร้อมการเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ก็เป็นข้อสังเกตข้อสงสัยได้ เพราะเป็นการแต่งตั้งระยะสั้น ก่อนที่จะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเพราะให้สัมภาษณ์มาหลายครั้งแล้ว
แจง สื่อสารผิดพลาด สส. ปชน. ให้สัมภาษณ์สแกนม่านตาเชื่อมโยงอาชญากรรม
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้ตั้งคำถามถึง สส. ของพรรคประชาชน ที่ระบุว่า เทคโนโลยีสแกนม่านตาเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะมีเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึง เบน สมิธ นั้น นายณัฐพงษ์ระบุว่า มีการสื่อสารและทำความเข้าใจกับ สส. ในพรรคบางท่านที่ออกมาแสดงความเห็น จริง ๆ ต้องแยกระหว่างระบบแพลตฟอร์ม World ID และ World Coin ออกจากเส้นทางการเงิน ที่ตัวแทนของบริษัทนี้ในประเทศไทยอาจมีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ ซึ่งจะมีการปรับทิศทางการสื่อสารเรื่องนี้ให้รัดกุมและถูกต้องมากขึ้น
นายณัฐพงษ์ย้ำว่า ข้อมูลที่กรรมาธิการมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรได้มา เป็นข้อมูลที่หน่วยงานรัฐมาชี้แจง ดังนั้น ไม่น่าใช่ข้อมูลที่ผิดพลาด เพียงแต่วิธีในการสื่อสารอาจทำให้ผู้ฟังที่สนับสนุนเทคโนโลยีในโลกอนาคต ที่สร้างขึ้นมาต่อต้าน Fake ID หรือ AI ที่อาจมาปลอมแปลงเป็นมนุษย์ในอนาคต เขากังวลว่าการสื่อสารอาจทำให้คนบางส่วนเข้าใจผิดว่าทั้งระบบนั้นเป็นแพลตฟอร์มสำหรับทำอาชญากรรมข้ามชาติ
อัด “ร.อ. ธรรมนัส” ยังไม่ได้คำตอบร่วมเฟรมทำบุญ “เบน สมิธ”
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การอภิปรายของนายรังสิมันต์ กรณี เบน สมิธ นั้น เป็นเรื่องใหญ่กว่านี้มาก และทางรัฐสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เอง ก็ขึ้นรายชื่อแล้ว จึงคิดว่าเรื่องนี้มีมูลมาก คงไม่โยงใยถึงขั้นทำให้ข้อกล่าวหาของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผิดพลาดไปแต่อย่างใด และภาพที่ไปปรากฏว่าทำบุญร่วมกัน ก็ยังไม่ได้คำตอบ