“ธนกร”เซ็นตั้งชุด “เต็มเหนี่ยว”มอบ “ฐาปกรณ์”นั่งหัวหน้าชุด พร้อม “พลอยลภัสร์”ร่วมทีม ลุยโรงงานเถื่อนลักลอบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ทิ้งกากอุตสาหกรรม


เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 15 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม มีภารกิจในการตรวจสอบและกำกับดูแลการประกอบกิจการอุตสาหกรรมและกิจการอื่น ๆ ที่อยู่ในความรับผิดชอบ มิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ในการฝ่าปัญหาเร่งด่วน ฟันปัญหาหมักหมม ดึงเงินลงทุน ดันอุตสาหกรรมอนาคต อีกทั้งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังมอบนโยบาย “ปิดเร็ว เปิดเร็ว พึ่งพาได้” ดังนั้น เพื่อให้การขับเคลื่อนภารกิจและนโยบายดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ จึงจำเป็นต้องมีกลไกขับเคลื่อน และมีการสั่งการที่ชัดเจน เพื่อให้เกิดการบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และเต็มศักยภาพ

ตั้งชุด “เต็มเหนี่ยว”

นายธนกร กล่าวอีกว่า จึงได้มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อขับเคลื่อนการบังคับใช้กฎหมายกับการประกอบกิจการอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายแก่ประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเด็ดขาด โดยมีน.ส.พลอยลภัสร์ สิงห์โตทอง ที่ปรึกษารมว.อุตสาหกรรม เป็นที่ปรึกษากรรมการ นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ เลขานุการรมว.อุตสาหกรรม เป็นประธานกรรมการ พ.ต.อ.ภคิน ศิวเมธากุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร เป็นรองประธานกรรมการ และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการ

นายธนกร เปิดเผยว่า การปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการชุดนี้ จะดำเนินการภายใต้ชื่อว่า “เต็มเหนี่ยว” และคณะเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานภายใต้มาตรการและแผนที่กำหนดขึ้นตามคำสั่ง ให้เรียกว่า “ชุดปฏิบัติการเต็มเหนี่ยว” เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ และการปฏิบัติอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อประโยชน์ของประชาชน

...

สกัดสินค้าสวมสิทธิ์ทะลักเข้าไทย

นายธนกร กล่าวถึงการประชุมครม.เศรษฐกิจนัดแรก ว่า มีการหารือถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึงการแก้ปัญหาประชาชน ทั้งเรื่องหนี้สิน และการเสริมสภาพคล่อง โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเกี่ยวข้องหลายส่วน เช่น SME ที่ขณะนี้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก SME Bank และกองทุนประชารัฐ จะเข้าไปช่วยเสริมสภาพคล่อง ขณะที่การสกัดกั้นสินค้าที่เข้ามาสวมสิทธิ์ที่วันนี้ทะลักเข้ามาจำนวนมาก จะต้องมีแพลตฟอร์มเข้าไปตรวจสอบย้อนหลังว่าสินค้าเหล่านั้นผลิตในประเทศไทย หรือเป็นสินค้าสวมสิทธิ์ เพราะจะมีผลในเรื่องของภาษี ซึ่งสินค้าที่ทะลักเข้ามาจะต้องมีมาตรการคุมเข้ม ขณะเดียวกัน ในช่วง 4 เดือนนี้จะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นสำหรับการท่องเที่ยว การดูแลเรื่อง PM 2.5 เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเผาอ้อยจะมีการคุมเข้ม