“ชาดา” ลั่น สงครามชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดเพราะคน 2 คนขัดผลประโยชน์ สงสารอดีตนายกฯ “แพทองธาร” พ่อไม่ปกป้อง มองไทยเปิดเสียงหลอนเป็นจิตวิทยา ดีกว่ารบ ติง สว. ร้องผิดมนุษยชน เหมือนคนไม่รักชาติ
วันที่ 13 ตุลาคม 2568 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาในขณะนี้ ที่ฝั่งไทยได้นำซาวด์หลอนไปเปิดที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ว่า โลกยุคใหม่มีสงครามหลายรูปแบบ ปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล มีประชาชน อินฟลูเอนเซอร์ออกมาเป็นธรรมดา เราไม่ได้ยิงระเบิด เราไม่ได้ไปฆ่าใคร เราเปิดเสียงเพลงบ้านเรา แต่เวลาเขาทำเราก็ต้องเข้าใจว่าคนไทยโดนกระทำมาหลายสิบปี
“วันนี้สังคมไทยต้องตระหนักให้ดี สังคมไทยต้องรู้ว่าสงครามเกิดขึ้นเพราะคนสองคน ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย คนสองคนทำให้คนตาย คนสองคนทำให้ชาวบ้านประชาชนต้องอพยพ ไม่ได้ทำมาหากิน เกิดจากคนสองคนไม่ใช่สองประเทศ คนสองคนที่อยู่บนผลประโยชน์ร่วมกัน พอผลประโยชน์ขัดกันก็มีปัญหา แต่เกิดจากคนสองคนภายใต้ผลประโยชน์ใต้เกาะกูด วันนี้ไม่มีใครเอาความจริงออกมาแฉว่าผลประโยชน์ MOU 43 เขตบนดิน MOU 44 เขียนใต้ทะเล ในทะเลมีธรรมชาติที่ราคาแพงมากอยู่ใต้ทะเล มีการแบ่งปันผลประโยชน์กันเอง พอคนสองคนทะเลาะกันเรื่องก็ถูกแฉออกมา แต่สังคมคนไทยไม่รู้ พรรคพวกที่ก่อเหตุก็ไปโทษไอโอ (IO) พยายามเบี่ยงไปกาสิโน ความจริงคือคนละประเด็น”
นายชาดา กล่าวต่อไปว่า วันนี้เกิดเหตุแล้วจะจบอย่างไร นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด เลิก MOU แล้วและจะทำอะไรต่อ ถ้าเป็นสงครามขึ้นมา ไทยเปิดปฏิบัติการถ้าปล่อยให้ทหารทำเต็มที่แล้วค่อยเจรจา คนที่ได้เปรียบทางยุทธวิธี ยุทธการเจรจา ย่อมมีอำนาจเหนือกว่า แต่ก็มีคนไปคุยกับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ภาษาของเราที่ไปของเราแพ้ยับเยิน ไปเพราะมีใบสั่งมา แต่การเจรจายืดเวลาไปอีก 6 ชั่วโมง ทำให้ไทยเสียเปรียบ เหมือนเชียร์มวย มวยเราไม่สวยต่อยไม่มัน
...
เหมือนที่เคยมีคนถามว่า กระทรวงการต่างประเทศอยู่ที่ไหนในรัฐบาลที่แล้ว แทบไม่ออกเลย ไม่ออกมาเพราะคุณถูกสั่งอยู่หรือไม่ มีผลประโยชน์ใต้เกาะกูด 30-50 ล้านล้านบาท ต้องให้ประชาชนรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร วันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องจริงคืออะไร บางคนรู้ก็ไม่กล้าพูด ตนรู้แต่ก็ไม่กล้าพูด ถ้าจะพูดต้องมีนิยาย มีสตอรี่ แม้ว่าพฤติกรรมไอโอไทยทำไม่ถูกต้อง แต่วันนี้ทำเพื่อชาติ เกิดจากสงครามเป็นกรณีพิเศษ ชาวบ้านก็มีความแค้น อยากจะทำอะไรก็ทำให้รู้แล้วรู้รอด แต่เราไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก เรามีระบบของโลกที่ต้องปฏิบัติตามเพียง แต่บางช่วงบางจังหวะอัดให้เต็มที่แล้วค่อยคุย ไม่อย่างนั้นกัมพูชาก็จะซ่าจัด
ทั้งนี้ ตนพูดได้เลยว่าเราไม่ได้ทะเลาะกับกัมพูชา เราทะเลาะกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เพราะมีไอโอของสีแดงที่บอกว่า ตนพูดว่าพ่อฮุน เซน ถ้าตนไปเรียกว่าพ่อมันสกปรก ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าใครทำ ทำที่ไหน ไม่อยากทะเลาะ ไม่เอาความขัดแย้งของคนอื่นมาเป็นความขัดแย้งของตนเอง แต่อยากให้ความจริงออกมา วันนี้คนไทยทะเลาะกับฮุน เซน มีแต่คุณปั่นตลอด สร้างสถานการณ์ตลอด ปัญหากัมพูชาคือปัญหาตระกูลฮุน เซน ไทยต้องจับประเด็นนี้ให้ดี เพราะเรากับกัมพูชาย้ายบ้านหนีไม่ได้ ลบทิ้งจากแผนที่ไม่ได้ ประชาชนกับประชาชนไม่เท่าไหร่ แต่ปัญหาคือ สมเด็จฮุน เซน พยายามปลุกปั่น เขาทำได้ทุกอย่าง
“ขนาดเขาเป็นเขมรแดง ถูกสังคมประณามล่มสลายไป เขายังรอดตัวมาเป็นพระเอกได้อีก แสดงว่าเขาไม่ใช่กะล่อนธรรมดา กะล่อนระดับโลก มาทำร้ายผู้หญิงอย่าง อดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร คุณพ่อไม่เห็นแสดงอะไรบ้างเลย ขอฝากถาม นายทักษิณ ชินวัตร ว่าคุณได้แสดงการปกป้องลูกในฐานะพ่ออย่างไร กับคนที่ไม่เคยทำร้ายฮุน เซน คุณเป็นพ่อปกป้องอะไรบ้าง ผมสงสารอดีตนายกฯ แพทองธาร ผมเห็นใจเขา เขาน่าสงสารมาก เขาทำเพื่อคุณพ่อ แต่คุณพ่อไม่แสดงให้ลูกสาวว่าไม่ผิด ถ้ารวยแบบท่านแล้วเพื่อนผมทำแบบนี้ ผมจะมีกองกำลังปฏิวัติเขมร นี่คือความเป็นจริงแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผลประโยชน์ เราทะเลาะกันก็เพราะผลประโยชน์ แต่มันไม่ใช่ผลประโยชน์ของชาติ เป็นผลประโยชน์ของบุคคล ที่มีความรู้ดูดาวเทียมได้”
ขณะเดียวกัน นายชาดา ย้ำด้วยว่า MOU ตั้งแต่ปี 2544 แต่คนไทยเพิ่งมารู้ไม่กี่วันนี้เอง เรื่องแบบนี้ถ้าไม่เกิดคนไทยจะไม่รู้อะไรเลย จนเป็นเรื่องที่บางครั้งรัฐก็ปิดข่าวเก่ง การเมืองก็ปิดข่าวเก่ง โยงประเด็นเก่งให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ประเทศชาติยังมีทางออก คือเราต้องช่วยให้สถานการณ์ผ่านไป เราต้องรู้ว่าอยู่ในสภาวะสงคราม ชายแดนประกาศกฎอัยการศึก คนไทยต้องรักกันเองให้มาก อย่าแตกแยกให้กัมพูชาดีใจ อย่าแตกแยกให้ ฮุน เซน ดีใจ คนไทยต้องรักกันมากกว่านี้
เมื่อถามว่าในโซเชียลมีข่าวลือ นายอนุทิน ไปพูดว่าแม่ทัพภาค 2 มองว่ามาจากการเมืองหรือไม่ นายชาดา ย้ำว่า การเมืองแน่นอน พรรคการเมืองแน่นอน มีพรรคหนึ่งทำที่อยู่เบื้องหลังคิดชั่ว พวกนี้เป็นคนไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง พยายามสร้างความแตกแยกเบี่ยงเบนประเด็น ใช้วิธีสกปรก พวกไอโอทำอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง ไม่ใช่คนอื่นไม่รู้ เริ่มต้นมาจากคนของพรรคบางพรรคที่อยู่ในวัดนี้ทำคลิปออกมาปลุกปั่นเรื่องศาสนา วัดนี้ที่เคยถูกตรวจค้น แต่ไม่ใช่พระทำ ซึ่งตอนนี้อาจจะย้ายแล้ว และรู้ว่าใครทำ พวกพระเอกลิเกเก่า ตนกล้าพูด ถ้าสงสัยให้มาถามจะตอบให้
ส่วนการที่ประชาชนค่อนข้างคาดหวังว่ารัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน จะแก้ไขปัญหาชายแดน ถือว่าเป็นความกดดันของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายชาดา เผยว่า เรื่องนี้เป็นสงครามระหว่างประเทศ มีความอ่อนไหว คนที่เป็นผู้นำประเทศพูดแบบชาวบ้านไม่ได้ คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีมีผลต่อระดับนานาชาติ มีผลต่อความขัดแย้งระดับประเทศ ให้ทหารรับผิดชอบถูกต้องแล้ว รัฐบาลให้อำนาจเต็มที่ นายกรัฐมนตรีให้อำนาจเต็มที่ ไม่ใช่แบบที่ผ่านมา ทหารกำลังถล่มมัน กลับสั่งให้หยุด กระทรวงการต่างประเทศหายไป
แต่ปัจจุบัน นายอนุทิน จะไปว่าไม่ได้ในเชิงทางการทูต ต้องรักษาท่าที จะรบจริงไม่จำเป็นต้องพูดมากมาย แต่คนไทยอย่ามาปั่น อย่ามาสร้าง บางเรื่องสื่อมวลชนไม่จำเป็นต้องลงข่าวทุกเรื่อง บางเรื่องมีความอ่อนไหว การซ้อมแผนอพยพถ้าเห็นก็จะมองว่าขู่มีรบหรือไงถึงซ้อมอพยพ เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องให้ทหารและความมั่นคงที่มีความรู้ความสามารถมาทำ นายกรัฐมนตรีอย่าพูดอะไรมาก ต้องให้กำลังใจคนทำงานและยืนเคียงข้างทหาร ให้อำนาจการตัดสินใจ เพราะต้องมีคนต้องเจรจา ต้องปลอบในเหตุการณ์นี้ ต้องแบ่งกันหลายหน้าที่ คนที่เป็นผู้นำประเทศจะเอามันเอาเสียงให้คนถูกใจไม่ได้ มีระบบการขัดแย้งระหว่างประเทศ คนเป็นนายกรัฐมนตรีต้องเจรจาที่หลัง อย่าให้คนเจรจาไปรบเอง
ส่วนคำถามว่ามีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ออกมาพูดถึงสถานการณ์บ้านหนองจาน ว่าฝ่ายไทยละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น นายชาดา ระบุว่า ตนพยายามมองสองด้าน คุณพูดไม่ผิด คุณเป็นนักสิทธิมนุษยชน แต่ไม่ควรพูดในเวลานี้และไม่ควรพูดแบบนี้ ต้องมีศิลปะในการพูด คนที่เขาทำงานอยู่ก็รักชาติ กัน จอมพลัง เอาเวลาไปทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้ แต่เขาก็ทำทุกอย่าง บางคนว่าเขาหิวแสง แต่เขาทำแล้วมีประโยชน์กับบ้านเมือง มีประโยชน์ทางทหาร ต้องยอมรับในการกระทำ ตนถือว่าเก่งหาเงินมาทำได้ มีคนให้ความเคารพ ความเชื่อใจ เขาเจตนาดี อย่าไปมองสิ่งนั้น
“คนที่ออกมาพูด ไม่ควรพูดเวลานี้และไม่ใช่พูดแบบนี้ อาจจะไม่เหมาะสมแต่พูดเหมือนเขาทำผิดเลวร้าย ละเมิดสิทธิมนุษยชน ความรู้สึกตนสิทธิมนุษยชนเป็นเรื่องใหญ่ แต่นี่ยังไม่ได้ละเมิด เป็นสงครามจิตวิทยา ดีกว่ารบด้วยอาวุธ คนจะพูดต้องรู้ว่าควรจะพูดแบบไหน ทหารกำลังปฏิบัติจิตวิทยา หน้าที่คุณปกป้องสิทธิแต่ไม่ใช่เวลานี้ ผิดเวลา ผิดที่ผิดทาง ผิดหัวใจคนไทยทั้งชาติ เหมือนคนพูดไม่รักประเทศไทย”