“พล.อ.ประวิตร” นำ พปชร. ทอดกฐินสามัคคี วัดประจำในจ.พระนครศรีอยุธยา ชื่นชม รัฐบาลมาถูกทางแล้ว แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนควบคู่การกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศเรื่องชายแดน
วันที่ 11 ตุลาคม 2568 เวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ เดินทางเป็นประธานในพิธีทอดกฐินสามัคคี ณ วัดเกาะแก้ว และวัดโพธิ์เผือก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทั้งสองวัดถือเป็นวัดประจำที่ พล.อ.ประวิตร เดินทางมาร่วมทอดกฐินเป็นประจำทุกปี ในปีนี้มียอดจตุปัจจัยรวมทั้งสิ้น 2,100,000 บาท เพื่อสมทบทุนบูรณะศาสนสถานและพัฒนาชุมชนให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน
ในโอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ถวายกฐินพร้อมน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และอุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ มารดาผู้ล่วงลับ พร้อมพูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมงานอย่างอบอุ่น สอบถามถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ และแสดงความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า พรรคพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีความสุข เชื่อ รัฐบาลมีมาตรการรองรับและบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด
...
ชื่นชม รัฐบาลมาถูกทางแล้ว แก้ไขปัญหาปากท้องคู่กอบกู้ศักดิ์ศรีประเทศ
ด้านพล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มาทอดกฐินที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาร่วมทำบุญดังกล่าว ได้กล่าวชื่นชม รัฐบาลมาถูกทางแล้ว แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนเป็นหลัก โดยการนำคนนอกที่เป็น “มืออาชีพ” มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นกระทรวงหลัก ที่มีผลต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน และมีผลต่อการพัฒนาและขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างจากรัฐบาลที่ผ่านมา มุ่งหวังการแจกเงินเพื่อกระแสประชานิยม ไร้ทิศทาง และไม่เกิดผลในการพัฒนาประเทศแต่อย่างใด
สำหรับสถานการณ์ปัญหาชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ใช้กลไกของกองทัพ สภาความมั่นคง ควบคู่กับกลไกของกระทรวงการต่างประเทศ ผนึกกำลังในการแก้ไขปัญหา ในรูปแบบร่วมมือกันแบบไร้รอยต่อ โดยให้กองทัพเป็นหลักมีอำนาจในการตัดสินใจดำเนินการขับเคลื่อนให้การปฏิบัติการในพื้นที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้ว ที่มองทหารและกองทัพเป็นฝ่ายตรงข้าม และเห็นฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเดียวกัน ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย เช่นทุกวันนี้
“การที่รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นหลัก ควบคู่การกอบกู้ศักดิ์ศรีของประเทศและรักษาไว้ซึ่งผืนแผ่นดินไทย เป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว มั่นใจว่าสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ด้วยดี”
พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรฯ ได้ดูสถานการณ์ และปริมาณน้ำ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในขณะนี้ มีปริมาณสูง บางพื้นที่ขึ้นถึงริมตลิ่ง และเริ่มท่วมขังบ้าง อยากฝากรัฐบาลเน้นย้ำเรื่องระบบการเตือนภัยให้รวดเร็ว และมีแผนเป็นรูปธรรม ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบตามแบบที่พรรคพลังประชารัฐ เป็นแกนนำรัฐบาลในช่วงแปดปี ไม่มีน้ำท่วมใหญ่ในประเทศแต่อย่างใด และฝากเร่งรัด ติดตามการก่อสร้าง “โครงการคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร” ความยาว 22.5 กิโลเมตร ซึ่งก่อสร้างตั้งแต่ปี 2562 คาดว่าจะเสร็จปีหน้า (2569) ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม ในพื้นที่ตอนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งด้วยการเป็นแหล่งน้ำสำรองในช่วงฤดูแล้ง ได้อีกด้วย