“อนุทิน” หยอดหวาน “อนุชา” ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก หลังสื่อถาม จีบเข้าภูมิใจไทย หรือไม่ บอกดีใจคืนเดียว ได้อันดับหนึ่ง อีสานโพล คนคาดหวังยิ่งต้องทำงาน เมิน “พิธา” แซะ ดูด สส. ให้ความมั่นใจ น้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54 บอกไม่ไหว เยียวยา 9,000 บาท เดือนเดียว 2 หมื่นล้านไม่ได้อะไร


เมื่อเวลา 17.00 น. ที่จ.ชัยนาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดชัยนาทโดยมีนายอนุชา นาคาศัย สส.ชัยนาท ให้การต้อนรับจะถือโอกาสนี้ทาบทามนายอนุชามาอยู่พรรคภูมิใจไทยเลยหรือไม่ ว่า นอกจากภรรยาผมแล้ว ผมก็รักพี่แฮงค์ (นายอนุชา) เป็นคนที่สอง

เมื่อถามย้ำว่า สรุปว่านายอนุทินจะชวนนายอนุชามาอยู่ภูมิใจไทยหรือไม่ ว่า นายอนุทิน กล่าวว่า “ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก”

เมื่อถามว่า ล่าสุดอีสานโพลได้เผยผลสำรวจ ถ้าเลือกตั้งวันนี้อยากให้ใครเป็นนายกมากที่สุด โดยชื่อนายอนุทินมาเป็นอันดับหนึ่ง รู้สึกอย่างไร นายอนุทิน ตอบว่า ตรงนั้นดีใจคืนเดียว แต่ต้องทำงาน ยิ่งมาแบบนี้ ต้องยิ่งทำให้ความคาดหวังของพี่น้องประชาชนไม่สูญเปล่า ยอมรับว่าจากบ๊วยมาเป็นที่หนึ่งครั้งแรก

เมื่อถามว่า 4 เดือนนี้ภูมิใจไทยจะทำโพลของตัวเองหรือไม่ นายอนุทิน ได้ชี้ไปที่ สส.พรรคภูมิใจไทยที่อยู่ด้านข้าง พร้อมกล่าวว่า โพลของเราคือการลงพื้นที่ และเข้าใจชาวบ้าน ไม่ต้องทำโพลหรอก เราต้องการให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในตัวเราว่าเราทุ่มเทให้เขาอย่างเต็มที่ จะอยู่ได้หรือไม่ได้ก็ตรงนี้แหละ

เมื่อถามว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุถึงกระแสพรรคภูมิใจไทยดูด สส. ว่าที่ผ่านมาแม้จะดูดแต่ก็แพ้นายพิธามาแล้ว นายอนุทิน ย้อนถามว่า เลือกตั้งครั้งที่แล้วไม่มีดูดใคร

...

ถามต่อว่า นายพิธากล่าวเช่นนี้จะมีผลกระทบกับพรรคประชาชนหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มี ไม่เคยมีปัญหา เราทำงานกับสส.พรรคประชาชนในสภาเป็นอย่างดี เป้าหมายเดียวกันเราก็ทำร่วมกันเป็นอย่างดี เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ กฎหมายอากาศสะอาด ก็ครบองค์ประชุม ซึ่งเป็นกฎหมายที่พรรคประชาชนเสนอก็ผ่านสภา และในเอ็มโอเอก็เขียนไว้ ตกลงกันไว้ กฎหมายอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะสนับสนุนกัน อย่าไปคิดว่าใครเป็นฝ่ายค้าน ใครเป็นฝ่ายรัฐบาล และเราก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจน


ให้ความมั่นใจ น้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54


นอกจากนี้นายอนุทิน ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณประตูเขื่อนระบายน้ำก่อนจะให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา จะให้ความมั่นใจได้ว่า สถานการณ์จะไม่ซ้ำรอยปี 2554 ว่า ปริมาณน้ำน้อยกว่าปี 54 เราจะเร่งบริหารจัดการสถานการณ์น้ำ ให้ดีที่สุด


เมื่อถามว่ามั่นใจได้หรือไม่ว่าคนกรุงเทพฯ จะไม่เผชิญน้ำท่วม คล้ายปี 2554 นายอนุทินกล่าวว่า ถ้าไม่มีฝนตกหนักมาเติมก็มั่นใจ อีก 2-3 อาทิตย์จะเข้าสู่ปลายฤดูฝน ปริมาณน้ำทั่วประเทศ น่าจะได้ระบายคล่องตัวทำให้การท่วมขังน้อยลง


ส่วนพื้นที่อยุธยา สิงห์บุรี อ่างทอง ที่เป็นพื้นที่รับน้ำทุกปีสถานการณ์น่าจะคลี่คลายในกี่สัปดาห์ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าน่าจะประมาณ 2-3 สัปดาห์ ส่วนใหญ่สิ้นเดือนตุลาคมเข้าเดือนพฤศจิกายน สถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ตอนนี้เราคิดไปไกลกว่านั้นต้องคิดถึงเรื่องของการบริหารจัดการในระยะยาวด้วย ทุกปีเราเน้นเรื่องของการเยียวยา ใช้เงินปีละประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท ถ้าเราใช้เงินก้อนนี้มาเป็นเรื่องของการลงทุน ระบบสาธารณูปโภค ระบบเขื่อน ระบบเส้นทางน้ำ ระบบฝาย เรื่องการบริหารจัดการน้ำ เราน่าจะทำให้เงินงบประมาณเหล่านี้เกิดประโยชน์มากขึ้น


ชี้เยียวยา 9,000 บาท เดือนเดียว 2 หมื่นล้านไม่ได้อะไร แต่เท่ากับโครงการใหญ่ที่เบิกจ่าย 3-4 ปี


เมื่อถามถึงแนวโน้มในการสร้างเขื่อนเพิ่ม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สทนช. ต้องไปศึกษาและหาวิธีที่จะทำให้สภาพน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีคลี่คลาย ไม่เช่นนั้นทุกปีก็จะต้องเกิดปัญหา แบบนี้แล้วกลับไปก็ต้องหาตังค์มาจ่าย


“อนุมัติงบกลางชาวบ้านได้ 9,000 บาท ถามว่าวันนี้ต่อให้เขาแสนบาทเขาก็ไม่เอาหรอกเงิน ขอให้น้ำไม่ท่วมดีกว่า เราก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้น้ำไม่ท่วม ไม่ให้เขาเดือดร้อน เงินใช้พอๆ กันเลย อย่างคลองบางบาล บางไทร 20,000 กว่าล้าน เท่ากัน แต่ 5-6 ปีกว่าจะเสร็จเท่ากับปีหนึ่งงบประมาณ 4-5 พันล้าน แต่นี่ 20,000 ล้าน เยียวยาปีหนึ่งให้ชาวบ้านแล้ว และยังไม่มีโครงการอะไรที่จะไปทำในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภคเลย” นายอนุทิน กล่าว


เมื่อถามว่าจากการลงพื้นที่ทุกแห่งในประเทศเกี่ยวข้องกับปัญหาใหญ่ที่ทำให้การบริหารจัดการน้ำเกิดปัญหาคืออะไร นายอนุทินกล่าวว่ามันก็มีหลายปัญหาที่ดินของชาวบ้านด้วย มาอยู่ต่างจังหวัดจะไปเวนคืนที่ของพี่น้องประชาชนเป็นเกษตรกรทำไร่ทำนา เป็นเรื่องที่อธิบายยาก ต้องหาวิธีในการหาเทคโนโลยีใหม่ๆ น้ำก็เช่นกัน เห็นแบบนี้ อีก 6 เดือนก็ต้องมาแก้ปัญหาภัยแล้ง เป็นไปได้อย่างไรเรื่องน้ำ ทำอย่างไร ตนให้นโยบาย สทนช. ไปว่าทำอย่างไรได้บ้างให้ช่วยกันคิด ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานแนวคิดพื้นฐานมาแล้วเรื่องแก้มลิง แต่ด้วยสภาพนิเวศที่เปลี่ยนไปแก้มลิงที่มีอยู่อาจไม่พอต้องทำเพิ่มได้หรือไม่ หลีกเลี่ยงการเวนคืนที่ของประชาชน ที่ของรัฐ ที่ของหลวง ที่ราชพัสดุ ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ใช้เป็นที่เก็บกักน้ำได้หรือไม่ ต้องคิดต่อไป เอาไว้หลังเลือกตั้งก่อน ค่อยมาคิด


เมื่อถามว่า 4 เดือนที่จะวางรากฐานให้ได้จะทำได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รากฐานวางได้อยู่แล้ว คือการบอก สทนช. ให้ใช้สำนักทรัพยากรน้ำ เป็นเจ้าภาพหลัก และค่อยกระจายไปยังหน่วยงานต่างๆ


“เราก็ต้องบอกท่านเลขาธิการ บอกท่านอนุชาว่าพี่ไม่ไหวแล้วนะ ปีหนึ่ง 2-3 หมื่นล้าน และหมดไปครั้งเดียวเลย โดยปกติ 30,000 ล้านบาท งบประมาณผูกพันต้องใช้ 3-4 ปีถึงจะใช้หมด แต่นี่ 30,000 ล้านบาท เดือนเดียวใช้หมด ดังนั้นจะต้องเรียนท่านไปว่าเงินมีแล้วเอาไปสร้างอะไรที่เป็นการลงทุนระยะยาวได้หรือไม่ ท่านก็มาจากสภาพัฒน์ มีวิสัยทัศน์ เห็นลู่ทาง นี่คือการวางรากฐาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว