“พิธา”ยืนยันพรรคประชาชนไม่ใช่ฝ่ายค้ำ เรียกร้อง “ภูมิใจไทย”ทำตามสัญญาตรงไปตรงมา ฟุ้งหากเป็น “ภูมิใจดูด”ระวังแพ้ คาด ป.ป.ช. ชี้มูลคดี 44 สส. ช่วงใกล้ยุบสภา
วันที่ 10 ต.ค.2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาชนถูกวิจารณ์ว่าเป็นพรรคฝ่ายค้ำให้พรรคภูมิใจไทยได้บริหารบ้านเมืองว่า นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ใช้กลไกสภาตรวจสอบรัฐบาลอย่างต่อเนื่องให้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่ฝ่ายค้ำ เพียงแต่ต้องเรียกร้องไปยังรัฐบาลและนายกรัฐมนตรี ให้ทำตามคำสัญญาอย่างตรงไปตรงมาว่าจะรักษาสถานะรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะสโลแกนของพรรคภูมิใจไทยคือ “พูดแล้วทำ” ถ้าพลิกไปมา ก็ห่วงว่า แบรนของพรรคจะไม่ได้ใช้อีกในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง
“เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเองว่าจะทำตามสโลแกนของพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ หรือจะเสี่ยงในระยะสั้นเพื่อที่จะสูญเสียความเป็นตัวตนของพรรคในระยะยาว” นายพิธา กล่าวและว่า
“ภูมิใจดูด”ระวังแพ้
หากตอบแบบส่วนตัว ที่สื่อตั้งฉายาว่าพรรค “ภูมิใจดูด” แต่ตอนนั้นที่ดูดผมไป แพ้ผมหมดเลยนะ คนที่โดนดูดก็จะต้องรู้ว่า มีแผลทางการเมืองตลอดชีวิต ประชาชนก็จะลงโทษ ส่วนตัวแล้วในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่มีความกังวล เพราะเป็นคนละยุทธภูมิกัน ยุทธภูมิของเราทำงานแบบล่างขึ้นบน ในขณะที่ส่วนใหญ่ทำแบบบนลงล่าง คนที่ต้องกังวลคือ คนทำงานการเมืองแบบบ้านใหญ่ ใช้กลไกข้าราชการเดินเกมการเมืองมากกว่า
พิธายังแซวอนุทินด้วยว่า “ซักผ้าเสร็จแล้ว กลับมาตอบคำถามสื่อมวลชนด้วย”
...
แนะปชน.ตั้งสมาธิให้ดี
นายพิธา ระบุด้วยว่า ปัญหาของพรรคประชาชนขณะนี้อยู่ที่การตั้งสมาธิกับตนเอง ต้องแก้ปัญหาของตัวเอง หาแคนดิเดตให้ดี หายุทธศาสตร์ที่ดี และสื่อสารทางการเมืองมากขึ้น ไม่ต้องสนใจโพลหรือสถิติ ขอให้มีสมาธิ จะต้องกู้ภาพลักษณ์ด้วยการทำงานอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้การตัดสินใจของพรรคประชาชนอาจไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ผ่านไปแล้ว กลับไปแก้อะไรไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ให้ได้มากที่สุด และคอยเตือนนายกรัฐมนตรีตลอดเวลาว่า เป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกิจ ที่มาจากอำนาจเฉพาะกิจ เพื่อภารกิจเฉพาะกิจ
แนะ ภท.เน้นบ้านเมืองมากกว่า
ส่วนฉากทัศน์การเมือง 4 เดือน ที่จะยุบสภา นายพิธา ประเมินว่า สิ่งที่น่ากังวลสำหรับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือน่าจะเน้นบ้านเมืองมากกว่าการเมือง และอย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง เพราะฉากทัศน์ต่าง ๆ มาจากหลายเรื่องทั้งการต่างประเทศ เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น อย่างวันนี้ตนเองมาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็มาสอน 2 เรื่องด้วยกัน คือ 1.การเลือกตั้งประเทศเมียนมาที่จะมาถึง และ 2.การประชุมอาเซียน เป็น 2 เรื่องร้อนสำหรับนายกฯ เฉพาะกิจ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตอนนี้ที่ต้องดูแล รวมถึงเรื่องนิติรัฐนิติธรรม เป็นเรื่องสำคัญที่กดทับการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ควรเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มตั้งเป้าตัวเลขเก้าอี้ สส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแล้วนั้น นายพิธา ประเมินว่า การแข่งกันประกาศจำนวน สส. ที่อยากได้ 80, 200 หรือ 250 ที่นั่ง เป็นเรื่องที่ไม่มีประโยชน์ และไม่สะท้อนความพร้อมทางการเมืองอย่างแท้จริง และหากมองย้อนกลับไปในช่วงที่ตนเองดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล พรรคให้ความสำคัญกับคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยตั้งเป้าสร้างพรรคในลักษณะพรรคมวลชนที่มี สส.เขตมากกว่าบัญชีรายชื่อ และมีตัวแทนกระจายครบทุกภูมิภาค ไม่ใช่เพียงพรรคที่มีฐานเสียงเฉพาะในบางภูมิภาคเท่านั้น
เร่งขยายฐานพื้นที่อ่อนแอ
นายพิธา กล่าวเพิ่มเติมว่า อยากชวนพรรคประชาชนให้หันมาคิดในเชิงคุณภาพว่า จะเพิ่มศักยภาพและขยายฐานเสียงในแต่ละพื้นที่ได้อย่างไร เช่น พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีจังหวัดสำคัญอย่างนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมกันประมาณ 42 เขต รวมถึงภาคอีสานและภาคเหนือ ที่ในการเลือกตั้งครั้งก่อน ที่พรรคก้าวไกลยังทำผลงานได้ไม่ดี
คาด ป.ป.ช. ชี้มูลใกล้ยุบสภา
นายพิธายังกล่าวถึง คดี 44 อดีต สส. พรรคก้าวไกล เสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมชี้มูลปลายปีนี้ ด้วยว่า การเอาจริยธรรมมาประหัตประหารทางการเมืองตลอดชีวิตนั้นไม่ถูกต้อง หากไม่ได้สัดส่วน ส่วนตัวได้ตรวจสอบกับทีมกฎหมายของตนเอง คดีนี้อยู่ในชั้นอนุกรรมาธิการใน ป.ป.ช. น่าจะเสร็จสิ้นในชั้นนี้ภายในเดือนพฤศจิกายน มีความเป็นไปได้ที่จะมีการชี้มูลในช่วงการยุบสภา หากยุบสภาเร็ว และมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายน ก็มีความเป็นไปได้ที่พรรคประชาชนจะถูกทำลายอีกครั้ง เหมือนพรรคก้าวไกลและอนาคตใหม่
“ผมเองไม่เป็นไรอยู่แล้ว แต่หลายคนยังเป็นแกนนำพรรค จึงอยากส่งเสียงถามประชาชนดังๆ เพราะอยู่ดีๆ ก็มีข่าวออกมาเรื่อยๆ ไม่รู้ว่ามีใครให้ข่าว ไม่รู้ว่าเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของพรรคประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ หรือตั้งใจจะทำลายล้างกันจริงๆ โดยใช้จริยธรรมที่ไม่ได้สัดส่วน เพราะคนที่ตรวจสอบจริยธรรมไม่มีใครไปทำลายดาบเขาได้ เป็นสิ่งที่อันตรายมาก” พิธาระบุ
แนะ “เท้ง” อย่าเสียกำลังใจ
เมื่อถามว่าให้คำแนะนำนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เกี่ยวกับคดี 44 สส. และการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไรบ้าง นายพิธา กล่าวว่า เป็นตัวของตัวเอง มองไปข้างหน้าให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่าเพิ่งเสียกำลังใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น