นายกฯ เผย “ทรัมป์” ส่งหนังสือเชิญไทยร่วมลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา จ่อตอบกลับ ยืนยันความพร้อม หากกัมพูชาทำตาม 4 ข้อเสนอ สวนกัมพูชาล่าช้าแก้ข้อพิพาท 2 ชาติ โยนกองทัพใช้กฎหมายจัดการสถานการณ์บ้านหนองจาน ยกเลิก MOU 43-44 อยู่ในชั้น กมธ.ศึกษาอยู่


วันที่ 9 ตุลาคม 2568 เมื่อเวลา 09.25 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงภารกิจการเดินทางต่างประเทศในเดือนนี้ว่า ได้นัดหมายกันว่าจะไปเยือนที่ประเทศลาวในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ เพราะมีหลายประเด็นที่จะต้องพูดคุยกัน และหลังจากนั้น จะเดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน (อาเซียน ซัมมิท) ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นการประชุมที่สำคัญ


ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีโอกาสได้พบกับผู้นำกัมพูชาหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่าเราได้แจ้งเงื่อนไขของเราไปแล้ว 4 ข้อที่จะทำให้เกิดการพูดคุยต่อได้ ซึ่งขอให้ทางกัมพูชาได้ปฏิบัติ คือ การถอนอาวุธหนัก ให้ฝ่ายไทยไม่รู้สึกว่ามีอันตรายต่อประชาชน รวมถึงการถอนทุ่นระเบิดและเรื่องสแกมเมอร์ รวมถึงการจัดการในพื้นที่ที่คนของกัมพูชาเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เมื่อถามถึงเส้นตายการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้วใน วันที่ 10 ตุลาคมนี้ นายกฯ กล่าวว่า ไม่มีคำว่าเดดไลน์ เพราะจะต้องปฏิบัติก่อน ถ้าไม่ปฏิบัติตามก็ต้องดำเนินการ


เมื่อถามว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสนอตัวเป็นประธานการลงนามสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้มีหนังสือมาที่ตน และตนกำลังจะทำหนังสือแจ้งกลับ เพื่อแสดงความจำนงในการที่จะเห็นทั้ง 2 ประเทศสามารถเจรจาหาข้อยุติในข้อพิพาท ซึ่งตนจะส่งข้อความกลับไปว่า หากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม 4 ข้อที่ฝ่ายไทยยื่นเสนอไป ไทยก็พร้อมปฏิบัติ ตามขั้นตอนที่ควรจะเป็น เพราะ 4 ข้อนี้ เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ ที่สำคัญมีความเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชน

...


เมื่อถามว่าจะทันหรือไม่ เพราะทรัมป์ยื่นข้อตกลงว่าจะให้ไทยลงนามในสิ้นเดือนนี้ นายกฯ กล่าวว่า ต้องไปถามกัมพูชา เราพร้อมปฏิบัติ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่โทรศัพท์สั่งให้ปฏิบัติ 4 ข้อ เมื่อถามถึงข้อกล่าวอ้างว่าของนายกฯ กัมพูชา ที่ระบุการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว มีความล้าช้า เพราะต้องผ่านที่ประชุม JBC ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ลงนาม นายกฯ กล่าวว่า ไทยไม่ได้ล่าช้า แต่ฝ่ายล่าช้าคือกัมพูชา และไทยเป็นผู้ถูกรุกราน เป็นผู้ถูกกระทำ ฉะนั้น คำว่าล่าช้าไม่มี


เมื่อถามว่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่จะต้องบริหารสถานการณ์ตรงนั้น ซึ่งได้มีการหารือกับฝ่ายกองทัพ กองทัพก็รับไปในเรื่องของการใช้กฎหมาย กฎอัยการศึกในการบริหารสถานการณ์ตรงนั้น ฝ่ายปกครองต้องร่วมกับตำรวจและกรมป่าไม้


เมื่อถามถึงการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และ 2544 นายอนุทิน กล่าวว่า ทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา ข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และ 2544 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องของทางสภาที่จะดำเนินการพิจารณาศึกษาอยู่ เราก็ฟัง เพราะทั้ง 2 สภา ตั้งกรรมาธิการขึ้นมาแล้ว ทุกอย่างต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหาทีละประเด็น ถึงจะนำไปสู่จุดนั้น แต่ว่า 4 เดือนนี้อย่าเพิ่งไปคาดหวังอะไรยาวๆ 4 เดือนนี้เราต้องทำให้สถานการณ์ปัจจุบันคลี่คลายให้มากที่สุด