"อนุทิน" ยันปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้มาจากการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่มาจากคอร์รัปชัน ลั่น "คนละครึ่ง" แค่จุดเริ่มต้น ขอทำ 4 เดือนนี้ให้รอด
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงทิศทางมาตรการทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป โดยยืนยันว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการในเฟสถัดไปไว้แล้ว พร้อมแสดงความยินดีที่โครงการ "คนละครึ่ง พลัส" สามารถเกิดขึ้นได้จริงตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มทำงาน รัฐบาลจะใช้เวลา 4 เดือน นับจากนี้ทำงานอย่างเต็มที่ในการวางรากฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคง เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถเดินหน้าต่อยอดได้อย่างราบรื่น โดยจะมีมาตรการเฟส 1 และเฟส 2 รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเตรียมพร้อมไว้ ซึ่งตนยึดถือ วินัยการเงินการคลังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐบาลสามารถนำเงินไปชำระหนี้ให้กับ ธ.ก.ส. ได้กว่า 3 หมื่นล้านบาท
เมื่อถูกถามถึงประเด็นความต่อเนื่องทางการเมืองที่เป็นจุดอ่อนต่อเศรษฐกิจ นายอนุทินตอบว่า ไม่ใช่อยู่ที่การเมือง แต่อยู่ที่การคอร์รัปชัน หากประเทศพัฒนาไปสู่ระบบสังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จะบังคับให้การทุจริตและการกระทำที่ไม่โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้อย่างเป็นระบบ ทำให้คนที่อยู่ในระบบไม่กล้าคิดทำเรื่องพิเรนทร์อีกต่อไป
นายอนุทินยังกล่าวถึงความกังวลของนักลงทุนต่อการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย โดยเปรียบเทียบว่าญี่ปุ่นหรืออังกฤษเปลี่ยนบ่อยกว่าไทย และมองว่าความเชื่อมั่นไม่ได้อยู่ที่ใครจะไปหรือจะมา แต่ขึ้นอยู่กับระบบและความมุ่งมั่นในการสร้าง หลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่ง ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะนำประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอีกครั้ง เพราะเชื่อมั่นในภูมิรัฐศาสตร์ที่ดีของประเทศ แม้จะยอมรับว่าที่ผ่านมาไทยอาจติดขัดที่กฎระเบียบเดิมที่ล้าสมัย
...
อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามถึงความมั่นใจในการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีก 4 ปีข้างหน้า นายอนุทินกล่าวว่า "เอา 4 เดือนนี้ให้รอดก่อน และให้รัฐบาลได้ทำทุกอย่างอย่างที่เราตั้งใจให้เกิดขึ้น" พร้อมย้ำว่าการเริ่มต้นที่ดีจากการ "กลัดกระดุมเม็ดแรกถูก" อย่างโครงการคนละครึ่ง พลัส และการคืนหนี้ ธ.ก.ส. จะทำให้ก้าวต่อไปมีความถูกต้องตามมา