“สิริพงศ์” แจงดราม่า “ศุภจี” รมว.พาณิชย์ กรณีแนวคิดปลูกกล้วยหอมทอง ยก ญี่ปุ่นความต้องการสูงถึง 8,000 ตันต่อปี แต่ไทยส่งได้ 2,500 ตัน ยัน สร้างโอกาสให้เกษตรกรสร้างรายได้ ไม่ใช่การให้ปลูกทดแทน
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตัดพ้อถึงนโยบายการส่งเสริมการปลูกกล้วยหอมทอง ไม่โดนด่าเหมือนสมัยของตน ว่า กรณีของ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คงไม่เหมือนกัน เนื่องจากบางคนพูดทำนองเหมือนให้เปลี่ยนอาชีพ ถ้าอะไรปลูกแล้วราคาไม่ดีให้เปลี่ยนอาชีพมาทำอย่างอื่น แต่นโยบายของนางศุภจี คือเริ่มต้นจากการหาโอกาสจากเกษตรกรก่อน ซึ่งข้อเท็จจริง ในแต่ละปีประเทศไทยจะมีโควตาในการส่งออกกล้วยหอมทองไปที่ประเทศญี่ปุ่น ปีละประมาณ 8,000 ตัน แต่ความสามารถที่เราทำได้ในตอนนี้คือประมาณ 2,500 ตัน ซึ่งยังมีพื้นที่เหลืออยู่อีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ เรายังได้รับคำแนะนำจากประเทศญี่ปุ่นว่า ขณะนี้มีกล้วยหอมเขียวที่ราคาอาจจะถูกกว่ากล้วยหอมทอง แต่สามารถใช้ได้ทั้งเครือ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าเป็นโอกาสที่จะนำมาสนับสนุนให้กับเกษตรกร แต่การจะผลิตอะไรก็ตามที่เป็นพืชผลทางการเกษตร จะต้องมีการดูองค์ประกอบโดยรวมเพิ่มเติม และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ทำคือการหาโอกาสให้กับเกษตรกร และการสนับสนุนให้เกษตรกรเพาะปลูกเพิ่มรายได้
ทั้งนี้ ขอประชาสัมพันธ์ หากใครอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่ากระทรวงพาณิชย์ได้หาตลาดอะไรไว้บ้างแล้ว และมีความสนใจเป็นพิเศษ ขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กระทรวงพาณิชย์ เพราะถึงเวลานั้นเขาจะแนะนำว่าจะต้องใช้พันธุ์ไหนและแบบไหนถึงจะตรงตามออเดอร์ ยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ทำงานแบบสร้างสรรค์ ไม่ได้ทำงานแบบเน้นการเมือง
...
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีทางการเมืองหรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า เรื่องนี้ตนเข้าใจว่าเป็นการสื่อสารที่คลาดเคลื่อนของอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ตั้งใจทำงานทุกยุคทุกสมัย แต่การสื่อสารต้องตรงไปตรงมา บางคนบอกอยากปลูกอันนั้นอันนี้ หรือให้ปลูกอันอื่นแทน รวมถึงนำไปเปรียบเทียบจนทำให้เกษตรกรเสียความรู้สึก แต่ยืนยันว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวังในการสื่อสาร ซึ่งนางศุภจี ยืนยันว่าสนับสนุนในการเพาะปลูกใหม่ๆ เพื่อเพิ่มรายได้ทุกชนิด ถือว่าตรงไปตรงมา พร้อมย้ำว่า นางศุภจีไม่ได้บอกให้เลิกปลูกอะไรหรือมาปลูกอะไรทดแทน แต่เป็นการพูดว่ายังมีโอกาสที่จะสามารถคว้าได้.