นายกฯ อนุทิน โชว์วิชั่นรีเซ็ตประเทศ 3 มิติ ชี้ตามหลังเวียดนามคือ ฝันร้าย ลั่นมั่นใจพาไทยทวงคืนเบอร์ 1 ในภูมิภาคได้แน่
วันที่ 8 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 ในหัวข้อ "Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย" โดยได้แสดงวิสัยทัศน์ในการปรับโครงสร้างประเทศครั้งใหญ่ใน 3 มิติหลัก ได้แก่ ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม/ดิจิทัล
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า โลกปัจจุบันอยู่ยากกว่าเดิมมาก เนื่องด้วยสงครามภูมิรัฐศาสตร์ และการปฏิวัติเทคโนโลยีอย่าง AI ทำให้ประเทศที่ปรับตัวช้าจะสูญเสียอำนาจการต่อรองในเวทีโลก โดยรัฐบาลที่ตนเป็นผู้นำจะเร่งรีเซ็ตระบบเก่าที่ไม่ตอบโจทย์อนาคตอีกต่อไป ซึ่งเราต้องมีระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุมีงานทำและมีรายได้ วันก่อนได้พูดถึงเรื่องความเป็นไปได้ในการปรับอายุการเกษียณราชการไว้ อ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ก็จะไปหารือ หาแนวทางในการที่จะปรับเรื่องการเกษียณอายุราชการ เชื่อว่าในภาคเอกชนคงมีการรองรับทางด้านนี้อยู่แล้ว
นายอนุทินเน้นย้ำถึงการรีเซ็ตในด้านต่าง ๆ ว่า ความมั่นคงต้องมีความชัดเจนทั้งภายนอกและภายใน โดยจะใช้ทั้งการทูต ทหาร และพลังทางเศรษฐกิจ เปลี่ยนความตึงเครียดตามแนวชายแดนให้เป็นความร่วมมือ พร้อมจัดการปัญหาภัยสังคมและการทุจริตคอร์รัปชันในระบบเศรษฐกิจ รวมถึงเร่งปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ได้มาตรฐานสากล เพื่อเป็นไปตามหลักนิติธรรมในการ สมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD
ด้านศรษฐกิจ มุ่งเน้นการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ลดหนี้ และสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคเกษตรกรและ SMEs พร้อมเร่งมาตรการลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน และควบคุมราคาสินค้าเกษตรให้เหมาะสม ด้านสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล ตั้งเป้าเซ็ทซีโร่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยจะผลักดันพลังงานสะอาด เพื่อให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก และเร่งสร้างรัฐบาลดิจิทัลเพื่อเชื่อมโยงระบบทั้งประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความโปร่งใสในการตรวจสอบการทุจริต
...
นายกรัฐมนตรีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าจนตามหลังเวียดนามในวันนี้ ถือเป็นฝันร้าย โดยเปรียบเทียบว่าไทยเหมือนกระต่ายที่ชะลอตัวและตื่นขึ้นมาพบว่าเต่านำหน้าไปแล้ว แต่เราอย่าเป็นเหมือนนิทานอีสป เราต้องกระโดดให้ทัน
นายอนุทินแสดงความเชื่อมั่นในพื้นฐานที่ดีของเศรษฐกิจไทย พร้อมยืนยันด้วยความมั่นใจว่า รัฐบาลจะสามารถ ทวงคืนความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้กลับคืนมาให้ได้ หากทุกภาคส่วนให้ความร่วมมือ และมั่นใจกว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคภูมิใจไทย ก็หวังเล็ก ๆ ว่าจะได้กลับมาร่วมงานนี้อีกในปีหน้า