“เลขาฯ สทนช.” เผย ชาว กทม.วางใจได้สถานการณ์ปีนี้ไม่รุนแรงเท่าปี 2554 แต่ต้องระวังพื้นที่นอกคันกั้นน้ำ ชี้น้ำทะเลหนุนส่งผลระบายน้ำช้า ต้องแก้ทั้งระบบ
วันที่ 8 ต.ค. 2568 นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครขณะนี้ ว่าการพัฒนาริมแม่น้ำเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำก็จะได้รับผลกระทบ ก็ต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพมหานครอย่างเดียว รวมถึงพระนครศรีอยุธยาด้วย โดยในวันศุกร์ที่ 10 ตุลาคมนี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำที่จังหวัดชัยนาท ซึ่งตนจะเดินทางไปด้วย ซึ่งเมื่อวันจันทร์(6 ต.ค.)ที่ผ่านมา ในการประชุม คณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ได้มีการติดตามสถานการณ์ฝนที่ประมาณการในวันนั้น เป็นแบบหนึ่ง แต่หลังจากนั้นฝนที่คาดว่าจะตกจากพายุแมตโมในพื้นที่เชียงราย น่าน ไม่ได้มากนัก โดยสถานการณ์น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดชัยนาท กรมชลประทานจะลดระดับการปล่อยน้ำลงระดับหนึ่ง ก็น่าจะดีขึ้น
น้ำฝนน้อยกว่าปี 54 ครึ่งต่อครึ่ง
ส่วนกรณีที่จะมีพายุอีก 5 ลูกเข้ามา จะทำให้ปริมาณน้ำเทียบเท่าปี 2554 เลยหรือไม่ นายดนุชากล่าวว่าปริมาณน้ำฝนไม่เท่ากัน ซึ่งปริมาณของปีนี้ต่างกับปี 2554 ค่อนข้างมาก ครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งในปี 2554 มีปริมาณมากกว่าปกติถึงร้อยละ 20 แต่ปีนี้มากกว่าค่าปกติร้อยละ 9 และปริมาณน้ำเข้าที่ผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในปี 2554 ประมาณ 4,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่ในปีนี้อยู่ที่ 2,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
นอกคันกั้นน้ำต้องระวัง
เมื่อถามว่าชาวกรุงเทพมหานครสามารถไว้วางใจสถานการณ์ได้หรือไม่ นายดนุชากล่าวว่าวางใจได้ แต่กลุ่มประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำก็ต้องเตรียมตัว ระมัดระวัง เพราะได้รับผลกระทบเป็นประจำอยู่แล้ว
...
แม่น้ำยมยังควบคุมไม่ได้
ส่วนสถานการณ์น้ำทะเลหนุนจะส่งผลกระทบมากน้อยแค่ไหน นายดนุชา กล่าวว่าน้ำทะเลหนุนจะทำให้การระบายน้ำช้าลง ซึ่งการแก้ปัญหาต้องแก้ทั้งระบบ จุดที่สามารถควบคุมน้ำได้คือเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล แต่ที่แม่น้ำยมยังไม่สามารถควบคุมได้ ยังไม่สามารถสร้างเขื่อนใหญ่ได้ ซึ่งจะต้องดูวิธีการ พร้อมยอมรับว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นทุกปี และมีแนวโน้มจะถี่ขึ้น เพราะภาวะโลกร้อน ซึ่งการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จึงจำเป็นต้องทำเป็นระบบ