“เอกนิติ” นำแถลงมติประชุม ครม. 7 ต.ค. เห็นชอบโครงการ “คนละครึ่งพลัส” เชื่อมั่นช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยพ้นจากหล่มในไตรมาส 4 ได้ ย้ำไทม์ไลน์ลงทะเบียน-เริ่มใช้จ่าย


วันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า เพื่อเดินมายังตึกบัญชาการ 1 เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยผู้สื่อข่าวสอบถามถึงความคืบหน้าในการติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปล้นทอง ที่ห้างในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้ตอบคำถามดังกล่าวก่อนเดินขึ้นตึกทันที

ต่อมาเวลา 12.55 น. นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นำแถลงข่าวโครงการคนละครึ่งพลัส โดยมี นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง และนายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ร่วมแถลง

“คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการดำเนินการโครงการคนละครึ่งพลัสซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ว่าเราต้องการที่จะแก้ปัญหาเร่งด่วนของประเทศในเรื่องของภัยเศรษฐกิจในการฟื้นความเชื่อมั่นคืนความสุขให้พี่น้องประชาชนไทยและเพิ่มรายได้ลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชนในการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อให้มีพลังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น”

วันนี้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบคนละครึ่งพลัสเพื่อต่อสู้กับภัยเศรษฐกิจที่เราเห็นทิศทางชัดเจนว่าในไตรมาสที่ 4 มีแนวโน้มที่จะติดหล่ม การขยายตัวจะชะลอลง เพราะฉะนั้นโครงการคนละครึ่งพลัสจะเป็นโครงการเรือธงหนึ่งที่จะมาเสริมจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เรามีมติเติมเงินไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อช่วยฟื้นเศรษฐกิจกระตุ้นสั้นได้ผลยาวและกระจายตัว

...

กระตุ้นสั้น คือเราจะช่วยประชาชน 20 ล้านสิทธิ์ในการลดรายจ่าย จะช่วยร้านค้ารายเล็กรายย่อย พ่อค้าแม่ค้าจะมีสิทธิ์เพิ่มรายได้จากยอดรายจ่ายที่ประชาชนจะมาจับจ่ายใช้สอยผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสมากขึ้น

ได้ผลยาว คือ เราจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลยาว เราจะมีพลัสใน 2 เรื่องที่สำคัญคือ คนที่อยู่ในระบบภาษีจะได้เงิน 2,400 บาท ส่วนคนที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษีได้ 2,000 บาท อีกทั้งเป็นเรื่องของการเพิ่มทักษะให้กับพ่อค้าแม่ค้า ทำให้ขายเก่งมากขึ้น โดยใช้ระบบเทคโนโลยี และจะรู้ต้นทุนลดรายจ่ายได้มากขึ้นด้วยเทคโนโลยี รวมถึงเราจะมีโครงการเรียนรู้เพิ่มทักษะเพื่อช่วยในการค้าขายต่างๆ เช่น AI

คนละครึ่งพลัสจะเป็นโครงการที่รัฐบาลมุ่งเน้นเป็นเครื่องจักรตัวหนึ่งที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยไม่ให้ติดหล่ม พร้อมสรุปว่าแตกต่างจากเดิมอย่างไร

พลัสที่ 1 จากเดิมให้ประชากรอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ครั้งนี้จะเป็น 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เพราะเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้มีกำลังซื้อมากขึ้น ขายของออนไลน์ได้มากขึ้น มีรายได้มากขึ้น

พลัสที่ 2 จะเพิ่มวงเงินสมทบของรัฐต่อวันจาก 150 บาทเป็น 200 บาทต่อวัน เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและภาพรวมเศรษฐกิจในการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น

พลัสที่ 3 เพิ่มสิทธิให้ผู้อยู่ในระบบภาษีเป็น 2,400 บาท ประชาชนทั่วไปได้ 2,000 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,700 บาท

พลัสที่ 4 เพิ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือที่เรียกว่า Micro SME ซึ่งมีรายได้ตลอดปีไม่เกิน 1.8 ล้านบาท ครั้งนี้เราจะให้ผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคลเข้าโครงการนี้ได้ด้วย รวมทั้งวิสาหกิจชุมชน

พลัสที่ 5 เพิ่มทักษะความรู้ อัปสกิล-รีสกิล ให้ร้านค้าผู้ประกอบการรายย่อย เรียนรู้ทักษะใหม่ใช้เทคโนโลยีมาพัฒนาให้ขายเก่งขึ้น ใช้ AI ในการขยายธุรกิจสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งจากล่างขึ้นบน

ทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายแนวคิดเรื่อง Quick Big Win โดย Quick คือ ต้องทำให้เร็ว เราจะใช้ Application “เป๋าตังและถุงเงิน” ซึ่งมีอยู่และคนคุ้นเคยอยู่แล้ว สามารถนำมาใช้คนละครึ่งพลัสได้ทันที ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันที

ทางด้านแหล่งเงินงบประมาณเราจะใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณเดิมที่รัฐบาลได้อนุมัติไว้อยู่แล้วในปี 2569 และใช้งบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท (หากรวมในส่วนของประชาชนก็จะเป็น 88,000 ล้านบาท) และหากรวมกับที่ให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 23,000 ล้านบาท จะรวมเป็น 100,000 ล้านบาท จะช่วยกระตุ้น GDP 0.3-0.4%

Big การใช้เม็ดเงินในส่วนนี้จะทำให้ใหญ่พอ ทำให้อย่างน้อยเศรษฐกิจไม่ติดหล่ม ส่วน Win จะช่วยให้ประชาชนพ่อค้าแม่ค้าผู้ประกอบการทั้งหลายที่เป็น Micro SME สามารถที่จะช่วยกระจายตัวไปทั่วประเทศให้กลุ่มประชาชนและร้านค้าได้ประโยชน์

ย้ำไทม์ไลน์ “คนละครึ่งพลัส”

  • 15 ตุลาคม 2568 จะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ
  • 20-26 ตุลาคม 2568 จะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมโครงการ
  • 29 ตุลาคม เริ่มใช้จ่าย ไปจนถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2568

“ผมอยากให้ทุกท่านมั่นใจครับว่าโครงการของรัฐบาลภายใต้นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล โครงการคนละครึ่งพลัสจะกระจายให้เกิดความคึกคักกับเศรษฐกิจไทยเพิ่มกำลังจับจ่ายใช้สอยให้กับประชาชนลดรายจ่ายให้กับประชาชนเพิ่มรายได้ให้พ่อค้าแม่ค้า แล้วก็จะช่วยเพิ่มทักษะให้เขาเก่งขึ้นขายของได้เก่งขึ้นลดต้นทุน เขาใช้เทคโนโลยีได้มากขึ้นและโครงการนี้จะช่วยเพิ่มกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนในช่วงไตรมาสสุดท้ายผมมั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการหนึ่งในโครงการเรือธง ซึ่งยังมีอีกหลายโครงการที่จะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยจากหล่มในไตรมาสที่ 4”

ทั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิ์จะต้องใช้สิทธิ์ครั้งแรกภายในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เวลา 23.00 น. เพื่อไม่ให้โดนตัดสิทธิ์ตามเงื่อนไขของโครงการ โดยเชื่อว่าจะช่วยฟื้นเศรษฐกิจไทยจากการติดหล่มในช่วงไตรมาสที่ 4 ได้ ส่วนที่ร้านค้ามีความกังวลเรื่องการจัดเก็บภาษีย้อนหลัง นายเอกนิติ ยืนยันว่า จะไม่มีการนำรายได้จากโครงการนี้เข้าสู่ระบบภาษีแน่นอน

อย่างไรก็ตาม โครงการคนละครึ่งพลัส สามารถใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2568 สำหรับประชาชนให้ใช้สิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเท่านั้น โดยสั่งอาหารได้ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น. ของทุกวัน ขณะที่ผู้ประกอบการร้านค้าในโครงการคนละครึ่งพลัส ต้องกดสมัครฟู้ดเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินให้สำเร็จก่อน จากนั้นให้เลือกผูกแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงิน ได้ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 06.00-23.00 น. เฉพาะร้านค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น.