“เบน สมิธ” มอบ “ธนดล” ยื่นฟ้อง “รังสิมันต์ โรม” 100 ล้าน หลังอภิปรายกล่าวหา เป็นสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ แจงบุคคลที่อภิปรายกล่าวหาเป็นคนละคน ไม่ทราบ “ธรรมนัส” ฟ้องสื่อ เพราะใช้ทีมทนายอีกทีม


วันที่ 6 ตุลาคม 2568 ที่ศาลอาญารัชดาภิเษก นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ทนายความของนายเบน สมิธ เข้ายื่นฟ้องนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กรณีอภิปรายพาดพิงว่านายเบน เป็นสแกมเมอร์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยภายหลังการยื่นฟ้อง นายธนดล ได้ออกมาเปิดเผยว่า หลังจากเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายกล่าวหานายเบน ว่าเป็นสแกมเมอร์ และเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงเป็นกลุ่มทุนสีเทา ทำให้เกิดความเสียหาย จึงมอบอำนาจให้ตนมาฟ้องร้องดำเนินคดีต่อศาลอาญารัชดาภิเษก ทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง //ซึ่งศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องคดีแพ่งแล้ว โดยนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท ซึ่งค่าเสียหายนี้เนื่องจากนายเบน สมิธ ทำธุรกิจทั้งในประเทศไทยและสิงคโปร์ การอภิปรายดังกล่าวถูกเผยแพร่ ทำให้เกิดความเสียหาย ปัจจุบันนายเบน สมิธ ได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดที่สิงคโปร์ แต่ก็ไม่ได้พบความผิดอะไร  ในส่วนของคดีอาญาศาลรับคำร้อง ในข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 24 พฤศจิกายน

ลั่นไม่ได้ฟ้องคดีแรก

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตการใช้ทีมทนายเดียวกันกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เนื่องจากว่า ร.อ.ธรรมนัส และนายเบน รู้จักกันผ่านทางนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากนายเบนเคยไปลงทุนธุรกิจร่วมกับนายทักษิณ แต่ไม่เคยทำธุรกิจร่วมกับร.อ.ธรรมนัส แต่ที่ตนทราบนายเบน และร.อ.ธรรมนัส รู้จักกันมากกว่า 1 ปี จากนั้นวันที่ 22 ส.ค.2568ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ได้ให้ตนมาดูแลเรื่องกฎหมายของนายเบน ซึ่งไม่ใช่คดีนี้คดีแรก ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยฟ้องนายทอม ไรท์ และนางสฤณี นักวิชาการอิสระ ที่บช.สอท. ในวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา ได้ออกหมายเรียกกันไปเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ตนทราบว่านายเบนรู้จักกับนักการเมืองไทยหลายคน แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ

...

มั่นใจไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองคดีอาญา

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม อาจจะได้เอกสิทธิ์การคุ้มครองสส. นายธนดล กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ต้องเป็นการประชุมปิดโดยไม่มีการถ่ายทอด แต่การอภิปรายนี้มีการถ่ายทอดและเอ่ยไปถึงบุคคลที่ 3 เอกสิทธิ์นี้ไม่คุ้มครองในคดีแพ่งและคดีอาญา


ย้ำคนละคนกัน

นายธนดล ระบุว่า นายเบนมีธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ และเรื่องของการลงทุนหุ้น รวมไปถึงนายหน้าการขายเรือและเครื่องบิน ซึ่งตอนนี้นายเบนอยู่ที่ประเทศไทย เมื่อวานตนเพิ่งพบกันและได้พูดคุยนายเบนและภรรยา ยืนยันว่า ตนได้ตรวจสอบอย่างละเอียดว่านายเบนมีหมายแดงหรือหมายจับหรือเคยต้องโทษในคดีอะไรหรือไม่ แต่ก็ไม่พบว่าคุณเบนจะมีหมายอะไร  ส่วนที่นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คุณเบน ถูก ก.ล.ต. ดำเนินคดีปี 64 ปรากฏว่าไม่เป็นความจริงเนื่องจากเป็นคนละคนกัน ชื่อโดยนายเบนที่ถูกดำเนินคดี ชื่อ นายเบนจามิน เบอร์เกอร์ ส่วนนายเบน สมิธ คนนี้ ชื่อ นายเบน จามิน เมาวเออร์ เบอร์เกอร์ ดังนั้นขอย้ำว่า เป็นคนละคนกัน

รับเคยเป็นที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างสมเด็จ ฮุนเซน นั้น ตัวนายเบน สัญชาติกัมพูชา เคยอยู่กัมพูชาจริง โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลกัมพูชา แต่ไม่เคยเข้าประชุมและรับเงินเดือนจากรัฐบาลของกัมพูชา และเคยชวนนักลงทุนไปลงทุนที่กัมพูชานายธนดล กล่าวว่า หากนายรังสิมันต์ อภิปรายเรื่องจริง ก็ให้ไปฟ้องหรือแจ้งความได้เลย ตนพร้อมจะสนับสนุนเต็มที่ และจะออกจากทีมกฎหมายหากพบความผิดจริง แต่ขอตั้งคำถามฝากไปถึงนายรังสิมันต์ ว่า “แล้วถ้ามันไม่ใช่ตามที่คุณได้อภิปราย แล้วคุณโรมจะรับผิดชอบชีวิตของคุณเบนอย่างไร”

ทางเดียวที่จะพิสูจน์ความจริง

ส่วนวันไต่สวนมูลฟ้อง นายธนดล กล่าวว่ากำลังปรึกษาหารือว่านายเบนจะมาเองหรือไม่ แต่วันนั้นจะมีพยานสองคนที่เป็นประชาชนทั่วไปที่รับชมการอภิปรายจะมาให้การในชั้นศาล ส่วนการฟ้องเป็นการฟ้องปิดปากหรือไม่ นายธนดลยืนยันว่า ไม่ได้ฟ้องปิดปาก แต่เป็นทางเดียวที่จะพิสูจน์ให้รู้ว่า ข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร

แนะ “ธรรมนัส”ยังไม่ควรฟ้อง

ส่วนวันที่ 9 ตุลาคมนี้ นายธนดล ระบุว่า  ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าจะเข้าไปชี้แจงด้วยตนเองกับกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่นายรังสิมันต์ เป็นประธานอยู่  แต่จะฟ้องกลับนายรังสิมันต์ หรือไม่ เบื้องต้น เห็นว่านายรังสิมันต์ โรม ยังไม่เข้าข่ายหมิ่นประมาท จึงได้ให้คำแนะนำว่าไม่ควรฟ้อง เนื่องจากเป็นการตั้งคำถามถึงเท่านั้น จึงมองว่าเบาบาง หากฟ้องอาจไม่ชนะ

โยนทนายคนละทีม ดูความผิดสื่อ

ส่วนกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส เดินหน้าแจ้งความเอาผิดสื่อมวลชนและบุคคลที่ไปแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดียจนสร้างความเสียหายให้กับ ร.อ.ธรรมนัสนั้น ตนเองไม่ทราบว่าดำเนินการไปถึงไหนแล้วเพราะใช้ทีมทนายอีกทีมดูแลคดีดังกล่าว