“ธนกร” ตรวจเข้มนิคมฯ บางปะอิน สั่งเตรียมพร้อมขั้นสูงสุด มั่นใจไม่ซ้ำรอยอดีต ปกป้องฐานผลิตแสนล้าน สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน
วันที่ 5 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจติดตามการบริหารจัดการมาตรการป้องกันอุทกภัยของนิคมอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกล่าวหลังรับฟังบรรยายสรุปและตรวจเขื่อนป้องกันน้ำท่วมของนิคมฯ บางปะอิน ว่า รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้องกันผลกระทบจากอุทกภัย โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมฯ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ เราทุกคนต่างมีบทเรียนจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยในปี 2554 การลงพื้นที่ในวันนี้จึงไม่ใช่เพียงการตรวจเยี่ยม แต่เป็นการมาเพื่อสร้างความมั่นใจว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย ตนได้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของนิคมฯ บางปะอิน ทั้งแนวคันดินคอนกรีตเสริมเหล็กที่ได้มาตรฐานสากล ระบบสูบน้ำขนาดใหญ่ และแผนเผชิญเหตุที่รัดกุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ประมาทและการเตรียมตัวที่ดีเยี่ยม
พร้อมกันนี้ ยังได้มอบนโยบายและสั่งการเพิ่มเติมให้มีการบูรณาการข้อมูลสถานการณ์น้ำเป็นหนึ่งเดียว (Single Command) จัดทำช่องทางการสื่อสารฉุกเฉินที่เข้าถึงง่ายสำหรับผู้ประกอบการ และสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือระหว่าง 3 นิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมนครหลวง นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามฉุกเฉิน สถานการณ์ปัจจุบันของ 3 นิคมฯ ดังกล่าวมีการเฝ้าระวังผ่านการพยากรณ์ปริมาณน้ำฝนสะสมจากแบบจำลองบรรยากาศ และปริมาณระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาและเขื่อนพระรามหก สูงสุดย้อนหลัง 3 ปี เปรียบเทียบกับปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งนี้ ได้กำหนดเกณฑ์เตือนภัยเป็น 4 ระดับ คือ ระดับปกติธงสีเขียว ระดับเฝ้าระวังธงสีเหลือง ระดับเสี่ยงธงสีส้ม และระดับวิกฤตธงสีแดง มั่นใจว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมนิคมฯ แน่นอน
...
“ผมขอให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนทุกท่านมั่นใจว่า กระทรวงอุตสาหกรรมและรัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อดูแลและปกป้องการลงทุนของท่านให้ปลอดภัย การเตรียมความพร้อมในวันนี้คือหลักประกันที่ดีที่สุดสำหรับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในวันข้างหน้า ในส่วนพื้นที่รอบนอกเขื่อนกั้นน้ำ ผู้ประกอบการในนิคมฯ จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยโดยร่วมสนับสนุนงบประมาณ ถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นเพื่อมอบให้กับชุมชน”
ทางด้าน นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวเสริมว่า นิคมฯ ใน จ.พระนครศรีอยุธยา ทำงานร่วมกับกรมชลประทานและหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิดเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ยืนยันว่านิคมฯ มีความพร้อมปฏิบัติตามข้อสั่งการของท่านรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดในการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยสูงสุดให้แก่ผู้ประกอบการทุกราย ในภาพรวม กนอ. ได้วางมาตรการป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ โดยมีมาตรการสำคัญ 8 มาตรการเพื่อป้องกันอุทกภัยของนิคมฯ ได้แก่
1. ขุดลอกคู คลอง จุดสำคัญทั้งในและนอกนิคมฯ
2. ตรวจและซ่อมคันป้องกันน้ำท่วม
3. ตรวจและซ่อมบำรุงระบบสูบน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าและหม้อแปลง
4. จัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์ให้มีความพร้อม
5. ติดตามข้อมูลข่าวสาร
6. จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง
7. ทบทวนและฝึกซ้อมแผนป้องกัน
8. สื่อสารข้อมูลสู่ผู้เกี่ยวข้อง
สำหรับนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ถือเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจที่มีโรงงานอุตสาหกรรมชั้นนำกว่า 100 แห่ง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ มีการจ้างงานหลายหมื่นอัตรา การป้องกันพื้นที่แห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยนิคมฯ ได้นำเสนอแผนความพร้อมในมิติต่างๆ ที่ถูกพัฒนาและซักซ้อมอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย
1. ความแข็งแกร่งทางกายภาพโดยมีแนวคันดินป้องกันน้ำท่วมถาวรความยาวหลายสิบกิโลเมตรรอบพื้นที่ มีความสูงอยู่ในระดับที่สามารถรองรับปริมาณน้ำได้มากกว่าปี 2554 พร้อมติดตั้งประตูระบายน้ำที่ควบคุมด้วยระบบอัตโนมัติ และ
2. ศักยภาพการระบายน้ำ นิคมฯ มีสถานีสูบน้ำถาวรและเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่รวมกว่า 50 เครื่อง มีขีดความสามารถในการระบายน้ำได้หลายล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อบริหารจัดการน้ำภายในพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์
3. แผนปฏิบัติการและบุคลากร นิคมฯ ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) ที่มีเจ้าหน้าที่ประจำการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อติดตามข้อมูลระดับน้ำและพยากรณ์อากาศแบบ Real-time และมีการจัดฝึกซ้อมแผนอพยพและแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan - BCP) ร่วมกับโรงงานต่างๆ เป็นประจำ