“นฤมล” ลั่น ไม่เอาไว้ใครเรียกรับเงินโยกย้ายครู ลุยแก้หนี้สิน-เพิ่มเงินวิทยะฐานะ ปี 69 พร้อมสร้างบ้านพักครูใหม่ หลังทั่วประเทศชำรุดทรุดโทรม ยัน พรรคกล้าธรรมไม่ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่อถอนทุน 


วันที่ 5 ตุลาคม 2568 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม พร้อมผู้บริหารของกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายพิเชฐ โพธิ์ภักดี เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายยศพล เวณุโกเศศ เลขาธิการสำนักงานอาชีวศึกษา และนางเกศทิพย์ ศุภวานิช อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ ลงพื้นที่พบกับผู้บริหารสถานศึกษาและข้าราชการครู ณ หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคหลวงพ่อคูณ อำเภอด่านขุนทด จ.นครราชสีมา โดยเปิดโอกาสให้ครูซักถามและนำเสนอปัญหา พร้อมให้ผู้บริหารกระทรวงตอบข้อซักถามด้วย

นางนฤมล กล่าวกับผู้บริหารการศึกษาและข้าราชการครู ว่า จะเดินหน้าขับเคลื่อนแก้ไขปัญหนี้สินครูด้วยการตั้งกองทุนรวมหนี้ครูก่อนเบื้องต้น 100,000 ล้านบาท โดยได้รับความอนุเคราะห์แหล่งเงินทุนจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2569 นอกจากนี้จะสร้างรายได้ให้กับครู เช่น เพิ่มเงินวิทยะฐานะ และต่อไปนี้การขอมีวิทยะฐานะของครูต้องเหมาะสม เป็นธรรมลดขั้นตอนการขอมีวิทยะฐานะไม่ต้องมใช้เวลามากประเมินเชิงประจักษ์ไม่เน้นให้ทำเอกสาร เพื่อสร้างความก้าวหน้าเเละให้ครูมีรายได้เพิ่มขึ้น และจะต้องเปลี่ยนผู้ประเมินใหม่ให้เอาผลงานครูเป็นตัวตั้งตนได้สั่งการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (สำนักงาน ก.ค.ศ.) ไปแล้ว ให้เลิกเสียทีระบบทำเอกสารเยอะๆ ทำให้ครูเสียเวลาจัดการเรียนการสอน 

...


ส่วนเรื่องความมั่นคงในอาชีพและความปลอดภัยของครู ซึ่งถือว่าเป็นพ่อและแม่คนที่ 2 กรณีเรื่องบ้านพักที่ชำรุดทรุดโทรมตามโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ กระทรวงศึกษาธิการได้เจรจากับการเคหะแห่งชาติแล้ว เพื่อขอให้มาเป็นเจ้าภาพสร้างบ้านพักครูที่ชำรุดทรุดโทรมใหม่ทั้งหมดแล้ว กระทรวงศึกษาธิการจะผ่อนชำระให้การเคหะแห่งชาติต่อไป โดยจะเริ่มดำเนินการในปี 2569 เช่นกัน

รมว.ศึกษาธิการ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีผู้บริหารและครูร้องเรียนว่าการโยกย้ายไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการเรียกรับเงิน เรื่องนี้ถ้ามีข้อมูลพบว่ามีการเรียกรับเงินจากการโยกย้ายตนจะไม่เอาไว้บุคคลนั้นไว้เด็ดขาด และจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา ตนในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรมเข้ามารับผิดชอบกระทรวงศึกษาธิการ จะต้องสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส เพราะตนไม่ได้มาถอนทุน เพราะฉะนั้นใครมีข้อมูลการเรียกรับเงินของผู้เกี่ยวข้องให้แจ้งตนเองโดยตรงหรือส่งข้อมูลไปที่ตนเองที่กระทรวงศึกษาธิการได้ทันที.