“บิ๊กเล็ก” ยัน จีนสนับสนุนอาวุธกัมพูชาเป็นข่าวเก่า เร่งเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพไทยให้พร้อมรบ งงถูกขุดคำพูด “เมืองคู่แฝด”
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ที่กระทรวงกลาโหม มีการจัดพิธีต้อนรับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่ง มีการทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง และถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม รวม 7 แห่ง จากนั้น พลเอกณัฐพล ได้ประกอบพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ ที่ลานอเนกประสงค์ จากนั้น 10.00 น. รมว.กลาโหม เข้าร่วมประชุม สภากลาโหม ครั้งแรกในปีงบประมาณ 2569 และเป็นครั้งแรกของผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดใหม่
ชี้ข่าวเก่าจีนหนุนกัมพูชา
พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงกรณีนิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยว่า จีนส่งจรวด และกระสุนปืนใหญ่มายังกัมพูชา ไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะมีการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ว่า จากการตรวจสอบกับหน่วยข่าว เรื่องนี้เป็นข่าวเก่าและข่าวเปิด ตนขอยืนยัน เมื่อถามย้ำว่า เป็นการส่งอาวุธมาก่อนที่จะเกิดเหตุสู้รบไทย-กัมพูชาใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถูกต้อง เรื่องนี้ตนได้เคยชี้แจงกับสื่อมวลชน เมื่อช่วงต้นปี 2568 ช่วงเดือน ก.พ. ว่าจีนได้มีการสนับสนุนอาวุธให้กับกัมพูชา ซึ่งเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ช่วงนั้นไทย-กัมพูชา ยังไม่มีความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ถ้ามีความขัดแย้งและความตึงเครียดในลักษณะนี้ ตนก็มั่นใจว่าทางจีน คงจะพิจารณาด้วยความรอบคอบ
เมื่อถามว่าในช่วงที่ผ่านมาจีนไม่ได้มีการส่งอาวุธเพิ่มให้กับกัมพูชาใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ทางด้านการข่าวไม่มี เมื่อถามว่า การที่จีนมอบอาวุธให้กัมพูชา เกี่ยวข้องกับการซ้อมรบร่วมกัน แล้วไม่ได้เอาอาวุธกลับไป ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งทราบมาจากการข่าว เมื่อถามว่า ในฐานะที่ดูแลความมั่นคง มีแนวโน้มจะเกิดสงครามไทย-กัมพูชาหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้มองได้ 2 ฝ่าย โดยฝ่ายไทยยึดมั่นในสันติวิธี พยายามเจรจาแบบทวิภาคี แต่ฝ่ายกัมพูชาเจรจาก็เจรจากันไป พร้อมรบก็พร้อมไป
...
เสริมเขี้ยวเล็บไทยให้พร้อมรบ
พล.อ.ณัฐพล กล่าวภายหลังประชุมสภากลาโหม ว่า ที่ประชุมสภากลาโหมวันนี้ ได้ให้นโยบายเรื่องการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา โดยจะเร่งเสริมสร้างความพร้อมรบ ให้มากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาการจัดหาแนวป้องกันประเทศ แต่จากนี้ไปจะเน้นเชิงรุก เพื่อเสริมเขี้ยวเล็บของกองทัพให้มากยิ่งขึ้น ส่วนแผนการสร้างความพร้อมรบ ที่สานต่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว ในการของบกลาง จัดซื้อเครื่องกระสุนอาวุธยุทโธปกรณ์ต่าง ๆ นั้น ตอนนี้กำลังเร่งรัดดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันได้ให้กรมบัญชีกลาง อนุโลมให้ เพราะเป็นการจัดหาเฉพาะ ซึ่งจากเดิมต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี โดยให้ผ่อนผันในเรื่องหลักเกณฑ์ ในห้วง 2-3 ปีนี้ เพื่อทำให้การจัดซื้อรวดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ทยอยที่จะได้รับแล้ว โดยคาดว่า จะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ สำหรับกรณีที่ประชุม ครม. เพิ่งอนุมัติงบฯ 800 กว่าล้านบาท เพื่อใช้ภารกิจชายแดนไทย-กัมพูชานั้น มีทั้งเรื่องเบี้ยเลี้ยงกำลังพล และยุทโธปกรณ์ แต่ไม่ขอลงรายละเอียด
“บิ๊กเล็ก” งงถูกขุดคำพูด “เมืองคู่แฝด”
พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงแนวคิดเมืองคู่แฝด ระหว่างสระแก้ว-บันเตียเมียนเจย ที่เคยพูดก่อนหน้านี้ แต่กลับถูกนำมาโจมตี หลังจากที่นายกฯ บอกไม่เอาเรื่องนี้ ว่า มันเป็นเรื่องเก่าที่ตนพูดตั้งแต่ 10 ก.ย. 2568 ที่ จ. ตราด หลังการประชุม GBC แต่ไม่ทราบว่า ทำไมจึงเกิดเอามาพูดใหม่ในตอนนี้ โดยตอนนั้น ตนคุยในที่ประชุม GBC และฝ่ายกัมพูชา ก็เริ่มคล้อยตาม ซึ่งเราอยากให้เขาส่งแผนมา เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยว่าจะไปไหน อาจจะไปสร้างเมืองคู่แฝดในฝั่งกัมพูชา ไม่ใช่ฝั่งไทย เป้าหมายของตนที่พูดวันนั้น เพื่อต้องการให้เขาออกจากพื้นที่ของประเทศไทย บริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว แต่ตอนนี้ไม่เกี่ยวกับตนแล้ว จะไปไหนก็แล้วแต่ ให้เป็นเรื่องของ สมช. ตนมีหน้าที่ปกป้องเพียงอย่างเดียว
ยอมรับอาจต้องใช้กำลังผลักดัน
เมื่อถามว่าที่ประชุม สมช. จะมีการพิจารณาสร้างรั้วชายแดนเลยหรือไม่ เพราะทหารก็กำลังรออยู่ ยังไม่สามารถเริ่มนับหนึ่งได้ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะมีการพิจารณาเรื่องนี้ เมื่อถามว่า เมื่อถึงวันเดดไลน์ 10 ต.ค. 2568 หากใช้กำลังในการผลักดันกัมพูชา ต้องขออนุมัติที่ประชุม สมช. หรือกองทัพสามารถตัดสินใจได้ทันที พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า น่าจะต้องเข้าที่ประชุม สมช. จริงๆ ตนยังไม่อยากพูดรายละเอียด พร้อมยอมรับอาจจำเป็นต้องมีการใช้กำลังในการผลักดัน แต่ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ขอพระราชทานเครื่องราช
พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ตนได้เสนอกราบบังคมทูล ขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชั้นรามาธิบดี ให้กับพลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี อดีตผบ.ทสส. พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล อดีตผบ.ทอ. พลโท บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พลตรี อินทนนท์ รัตนกาฬ อดีตผู้บัญชาการกองพลรบพิเศษที่ 1 ซึ่งปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ซึ่งได้นำกำลังปฏิบัติการที่ภูมะเขือ โดยทุกท่านได้นำหน่วยปฏิบัติการรบด้วยความห้าวหาญ ในเหตุการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา ซึ่งต้องรอพระมหากรุณาธิคุณทรงโปรดเกล้าฯ ลงมา นอกจากนี้ตนได้ขอพระราชทานเหรียญกล้าหาญประดับธงชัยเฉลิมพลของบางหน่วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ซึ่งตน และข้าราชการในกระทรวงกลาโหมมีความซาบซึ้ง ในพระเมตตาของพระองค์ท่านเป็นอย่างยิ่ง ครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษเร่งด่วน ให้กับผู้ที่เกษียณอายุราชการ และผู้ที่ยังรับราชการ และหากหน่วยไหนเล็งเห็นว่า ยังมีกำลังพลคนใดมีความเหมาะสม ที่จะขอพระราชทานเพิ่มเติม ก็สามารถยื่นเรื่องเสนอขึ้นมาได้
MOU 2543 เป็นเรื่องอนาคต
พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงการยกเลิก MOU 2543 ว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง และหลายหน่วยงาน และเป็นเรื่องของสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. อยากให้รอความชัดเจนจาก สมช. เมื่อถามว่า หากมีการยกเลิกจะส่งผลกระทบต่อคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ที่ตั้งขึ้นมาตาม MOU 2543 หรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ตอบว่า หากมีคณะอื่นเหลืออยู่ ก็ใช้กลไกดังกล่าวก็ได้ เมื่อถามว่า ผู้บัญชาการเหล่าทัพได้ให้ข้อมูล หรือไม่ว่า MOU 2543 จะช่วยในเรื่องของการทำงานหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล ตอบว่า ผบ.เหล่าทัพ ยังไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ เพราะ MOU 2543 มีคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ GBC เป็นผู้ใช้ ซึ่งยืนยันว่า ในเรื่องของแผนที่ จะไม่มีปัญหา เพราะมีเจ้ากรมแผนที่ เป็นคณะกรรมการด้านเทคนิคอยู่แล้ว และหากถูกยกเลิกก็ต้องมีกลไกอื่นขึ้นมาทดแทน แต่ไม่ขอพูดถึง เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งอาจจะยกเลิก หรือไม่ยกเลิกก็ได้