กมธ.ความมั่นคง ถกปัญหาฟอกเงินกลุ่มทุนกัมพูชาในไทย เผย “เบน สมิธ”บินหนีออกนอกประเทศไทยไปแล้ว แจงหลายหน่วยงานขาดการประสานข้อมูลจนส่งผลถึงประสิทธิภาพปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 ต.ค. 2568 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ พร้อมด้วย นายปิยรัฐ จงเทพ โฆษกคณะกมธ. และคณะ แถลงข่าว ผลการประชุมเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาการฟอกเงินของกลุ่มทุนกัมพูชาที่เชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย กรณีของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือนายเบน สมิธ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งเรื่องสำคัญในขณะนี้ คือ นายเบน สมิธ ได้เดินทางออกจากประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 แล้ว

 โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โดย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปี 2562 นายเบน สมิธ หรือ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้กระทำความผิดฐานระดมทุนขายหลักทรัพย์โดยไม่ได้รับอนุญาต และในปี 2564 ก.ล.ต. ได้กล่าวโทษตามความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการว่าจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ ก.ล.ต. ได้ดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2562 และพระราชกำหนดไซเบอร์ พ.ศ. 2566 รวมถึงมีมาตรการป้องกันการฟอกเงินผ่านผู้ให้บริการทางการเงิน โดยเฝ้าระวังการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยและรายงานต่อ ปปง. 

...

เบน สมิธ ออกนอกไทยแล้ว

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่านายเบน สมิธมีความเชื่อมโยงบริษัทอุยวันเพย์เม้นท์ที่มีเม็ดเงินไหลเวียนในบริษัทคิดเป็นเงินไทย 3 ล้านล้านบาท เชื่อว่าเป็นเงินที่เกิดจากการฟอกเงิน ข้อมูลที่สอบในกมธ.เริ่มเชื่อมไปถึงการซื้อทองคำจากกัมพูชามายังประเทศไทย ที่มีการธุรกรรมในลักษณะเปลี่ยนเป็นคริปโต เคอเรนซี่ และหลีกเลี่ยงเป็นการซื้อทองคำ เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ น่าเชื่อว่าการที่ประเทศไทยส่งออกทองคำไปกัมพูชาจำนวนมาก อาจมีความเชื่อมโยงการฟอกเงินผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในวันที่ 9 ต.ค.นี้ กมธ.จะนัดประชุมอีกครั้ง เชิญร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ มาชี้แจงในฐานะคนที่รู้จักนายเบน สมิธ โดยมีภาพถ่ายทำบุญร่วมกัน เชื่อว่าน่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเตรียมเชิญนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงินสินบน 40 ล้านบาท จะเชิญธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) อีกหลายหน่วยงานมาให้ข้อมูลในกมธ.

ไม่ให้สัญชาติไทย เบน สมิธ 

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันมีการร่างแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติที่เกิดขึ้น สำหรับการให้สัญชาติไทยแก่นายเบน สมิธ ของกระทรวงมหาดไทย ปัจจุบันนายเบน สมิธ มีใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว และถือสัญชาติแอฟริกาและฝรั่งเศส โดยมีบุตรชายที่ได้สัญชาติไทยจากภรรยาซึ่งเป็นคนไทย ขณะนี้สันติบาลอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นด้านความมั่นคงและยืนยันว่าจะไม่อนุญาตให้มีการให้สัญชาติไทย ด้านสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กำกับดูแลเรื่อง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติประเภทหนึ่งที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการฟอกเงิน โดยมีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันอาชญากรรมดังกล่าว 

ชง2 ปิดจุดบอดปราบแก๊งคอลฯ

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะ กมธ. มีข้อเสนอ ดังนี้

1. ปัจจุบันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังขาดการประสานงานในการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงาน จึงควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อรวบรวมข้อมูลและข้อเท็จจริงสำหรับการดำเนินการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างมีประสิทธิภาพ

2. มีการนำข้อมูลไบโอเมทริกข์ของประชาชนกว่าล้านคนไปแลกกับโทเคนดิจิทัล ผ่านการสแกนม่านตา ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลและกระทบต่อความสงบเรียบร้อย จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและดำเนินการป้องกัน รวมทั้งเร่งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรับมือกับปัญหาดังกล่าวโดยด่วน

สำหรับสัปดาห์หน้า คณะ กมธ. จะเชิญผู้แทนกองทัพเรือ เข้ามาชี้แจงกรณีที่มีการใช้อาคารที่ลุกล้ำดินแดนไทยซึ่งเป็นอาคารสแกมเมอร์ร่วมกับทางกัมพูชาเพื่อประสานงานเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป