กลุ่ม สว.สำรอง อุ้มพระ จี้อนุกรรมการเร่งสรุปคดีฮั้ว สว. ชง กกต. หวั่นรัฐบาลแทรกแซง บิดเบือนคดี ยื้อเวลาประกาศผลสอบสวน ยืนหยัดเคลื่อนไหวจนกว่า กกต. วินิจฉัย
วันที่ 1 ต.ค.2568 กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว พ.อ.ไพบูลย์ พัสดร นายธนวัฒน์ ศรีสุข และ ส.อ.อัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล ฯลฯ เดินทางมายื่นหนังสือให้กำลังใจคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 36 ของสำนักงาน กกต. รวมทั้งแสดงความกังวลต่อกรณีการวินิจฉัยสำนวนคดีการไต่สวนการฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา เพราะคดีนี้มีผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด จำนวน 229 ราย ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจจุบัน 138 ราย กรรมการบริหารพรรคการเมือง สส. สมาชิกพรรคการเมือง และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง อีกจำนวน 91 ราย ปัจจุบันระยะเวลาได้ล่วงเลยมาจากวันที่ กกต. ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง 10 ก.ค. 2567 กว่า 1 ปี 2 เดือน แต่การสอบทุจริตก็ยังไม่แล้วเสร็จ โดยการมายื่นหนังสือครั้งนี้ทางกลุ่มยังได้นำพระแก้วมรกตจำลองมานำทางในการยื่นหนังสือด้วย
เชื่อแนวโน้มถูกแทรกแซง
พ.อ.ไพบูลย์ พัสดร 1 ในคณะ สว.สำรอง กล่าวว่า กลุ่ม สว.สำรอง ภาคประชาชน ต่างเห็นว่า สำนวนคดีนี้มีแนวโน้มจะถูกแทรกแซงด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อบิดเบือนสำนวนคดี และการยื้อเวลาออกไปอีกเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคล และกลุ่มบุคคลบางคน บางพวก โดยเฉพาะการแทรกแซงจากฝ่ายบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งมีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นแกนนำ จึงขอเรียกร้องให้คณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งคณะที่ 36 พิจารณาสำนวนการไต่สวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภาอย่างตรงไปตรงมา ด้วยความสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรมบนพื้นฐานของข้อกฎหมาย และข้อเท็จจริงพยานหลักฐานที่ปรากฏแล้ว หากจะมีการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมใดๆ ขอให้พึงตระหนักถึงการกลับคำให้การของพยานบางรายที่อาจเข้าข่ายการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานในคำให้การที่เคยให้การมาแล้วก่อนหน้านี้ ปราศจากการแทรกแซงจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยขอให้ยึดเอาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง
...
ลั่นยืนยันติดตามคดี
ด้าน พล.ต.ท.คำรบ ยืนยันว่า ทางกลุ่มจะยืนหยัดยื่นเรื่องอย่างนี้ไปจนกว่า กกต.จะประกาศว่าจะฟ้องหรือดำเนินคดีกี่คน เราจะกระตุ้นเตือนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เพราะการแทรกแซงมันไม่ได้ไปบอกกันตรงๆ ว่าจะไปหาคนนั้นคนนี้ แต่สามารถยกหูหรือส่งนาย ก. นายข. ไปเป็นนกต่อ ไปพูดกันได้ มันก็มีเทคนิคหลายอย่าง ที่เห็นตอนนี้ก็การฟ้อง พ.ต.ท.ทวี (สอดส่อง) และ นายภูมิธรรม (เวชยชัย) ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือการที่นายอลงกต วรกี สว. ฟ้องคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. ซึ่งมันก็สัมพันธ์กันหมด
ไม่แน่ใจเรียก สว.แจงกรณีไหน
ส่วนที่ กกต.มีหนังสือเรียกนายเศรณี อนิลบล สว. มาให้ถ้อยคำกรณีมีข้อกล่าวหาว่าก่อนวันเลือก สว.ระดับประเทศ นายเศรณีมีชื่อเป็นผู้เข้าร่วมประชุมและเข้าพักที่โรงแรมใน จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นสถานที่ที่น่าเชื่อว่า มีการกระทำผิดตามมาตรา 77 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 นั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นประเด็นไหน แต่เท่าที่ติดตาม มีประเด็นโพยอีกชุดหนึ่ง ซึ่งก็เป็นข้อกล่าวอ้างในการต่อสู้ของ สว. 138 คน ที่เขากล่าวหาการดำเนินการของคณะกรรมการสอบสวนชุดที่ 26 ว่าเมื่อตรวจสอบเขาแล้ว พบว่ามีโพยอีกชุดหนึ่งแล้วทำไมจึงไม่ดำเนินการ ดังนั้น จากที่เราฟังว่า กกต.จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีก 1 ชุดเป็นชุดที่ 27 เพื่อสอบเรื่องนี้ แต่ตอนหลังไม่ได้มีการตั้ง แต่จะใช้คณะกรรมการชุดที่ 26 ดำเนินการก็เหมือนกับทำทั้งสองฝ่าย ซึ่งก็มีจุดที่แตกต่างคือ ที่มีการดำเนินการกับ สว. 100 กว่าคน เขามีพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคลและนิติวิทยาศาสตร์ มัดแน่นมาตลอด แต่ในส่วนชุดใหม่ที่มีการกล่าวหากันเท่าที่ทราบไม่มีพยานที่จะมายึดโยงว่าใครไปทำอะไรที่ไหน เบอร์ไปอยู่ในโพยอยู่ได้อย่างไร