“ชวน” ย้ำ 4 เดือนมีค่าถ้าเริ่มแก้ไข ลงมือทำ ดักทางอย่ายึดหลักนิติธรรมแค่คำพูด ต้องทำให้เห็น  ท้าพิสูจน์นายกฯคนรวยไม่โกงก็มี

เมื่อเวลา 10.50 น. วันที่ 30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายนโยบายรัฐบาลอนุทิน 1 ต่อที่ประชุมรัฐสภา ตอนหนึ่งว่า นโยบาย 4 เดือนของรัฐบาลนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับรัฐบาลก่อนนี้ มีข้อเหมือนและแตกต่างกัน ที่เหมือนกันมีหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ ตนเห็นด้วยว่า อะไรที่รัฐบาลก่อน ทำมาแล้วเป็นประโยชน์ ก็ควรจะทำต่อ ส่วนอะไรที่มีปัญหาก็งดทำไป ส่วนนโยบายที่น่าสนับสนุนคือ เรื่องความมั่นคง ที่นโยบายเขียนไว้ 2 เรื่องคือ 1. เรื่องกัมพูชา 2. ปัญหาชายแดนภาคใต้ ที่ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่ง ถ้าเราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของชีวิต คือมีการสูญเสีย แต่ถ้าเทียบแล้วความรุนแรงในชายแดนภาคใต้นั้น ต่อเนื่องยาวนาน 

ต้องทำให้เห็น มากกว่าพูด

นายชวน กล่าวด้วยว่า ปัญหาชายแดนใต้เกิดจากความผิดพลาดของนโยบายที่ผู้บริหารในอดีตทำไว้ ตนทักท้วงตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นโยบายทั้งเล่มไม่มีเรื่องภาคใต้ ทั้งที่ในช่วง 1 ปีนั้น มีผู้เสียชีวิต 112 คน ต่อมารัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เขียนไว้ 1 บรรทัด โดยมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 121 คน ยังไม่ทันที่นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล แถลงนโยบาย ก็มีผู้เสียชีวิต ทั้งคนร้ายและเจ้าหน้าที่ 3-4 คน ปัญหานี้สร้างความเสียหายกับเศรษฐกิจเท่าไหร่ก็ตาม ก็ไม่รุนแรงเท่ากับความเสียหายต่อชีวิตของคน ดังนั้นนโยบายความมั่นคงกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงมีความสำคัญมาก

ดังนั้นนโยบายนี้ ในข้อ 7 หน้า 4 ยาว 4 บรรทัด ต้องเร่งรัดแก้ไขพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน คู่ขนานไปกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ในพื้นที่อย่างยั่งยืน

...

ลั่นต้องทำให้เห็น

นายชวน กล่าวต่อว่า อีกเรื่องคือ รัฐบาลจะเคร่งครัดในการรักษาหลักนิติธรรมกรณีในภาคใต้ ถ้าเรายึดหลักนิติธรรม กระบวนการนี้จะไม่มีปัญหานี้ แต่ถ้าเราใช้ลัดขั้นตอนให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้ตัดสินเอง เหมือนที่เคยเตือนรัฐบาลนายเศรษฐาว่า รัฐบาลขณะนั้นสามารถเลือกรักษานิติธรรม หรือเลือกพวก แต่รัฐบาลนั้นเลือกพวก รัฐบาลนั้นจึงมีอันเป็นไปล้มไป ฉะนั้นจึงต้องรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด ตนยินดีสนับสนุนนโยบายนี้ ในภาคปฏิบัติต้องทำ ไม่ใช่แค่พูด แต่ละเลยในภาคปฏิบัติ ไม่ยึดหลักกฎหมาย ไม่ทำให้ผิดเป็นผิด ไม่ทำให้ถูกเป็นถูก หลายเรื่องที่นายกรัฐมนตรีต้องเผชิญในข้อกล่าวหาอะไรก็ตาม ตนเชื่อว่าเมื่อเรารักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด อย่าไปแทรกแซงอย่างที่นายกฯประกาศว่า จะไม่ทำอย่างที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งเกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่ผ่านมา ที่มีการแทรกแซงในหลายเรื่อง จึงทำให้มีปัญหาเกิดขึ้น

ชวน “นายกฯหนู” จัด ลต. สุจริต

นายชวน กล่าวต่อว่า ตนสนับสนุนนโยบายวางแผนเพื่อการพัฒนา ตนจึงเสนอว่า เรามาทำเรื่องการเลือกตั้งที่นายกฯต้องรับผิดชอบ ให้สุจริตและเที่ยงธรรม ผ่านการวางแผนเลือกตั้ง หลังการยุบสภา คือการเลือกตั้งที่สุจริต และเที่ยงธรรม และอย่าคาดหวังจาก กกต. ทั้งหมด เพราะการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา 400 เขต กกต. สามารถจับการทุจริตเลือกตั้งได้แค่ที่เดียว คือ เขต 8 นครศรีธรรมราช ดังนั้นรัฐบาลต้องเสริมกำลัง กกต. ซึ่งตนได้ทำหนังสือถึงประธาน กกต. บอกไปว่า สังคมเขาวิจารณ์ท่านอย่างหนัก แต่ตนขอให้กำลังใจ ขอให้ กกต.กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอย่ายอมเป็นเครื่องมือของพรรคการเมืองใด ในการทำหน้าที่ตามบทบาทขององค์กรเพื่อให้เกิดการเมืองที่สุจริตและเที่ยงธรรมจริง เพราะเมื่อได้รัฐบาลที่สุจริตและเที่ยงธรรมไม่มีการทุจริต ไม่ต้องถอนทุน ก็สามารถพัฒนาประเทศได้ 

นายกฯรวย สวนทางชาวบ้านจน

นายชวน กล่าวด้วยว่า เมื่อเราได้นักการเมืองที่มาด้วยความสุจริต รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลสุจริต ที่ผ่านมา เราเปลี่ยนนายกฯ 3 คน ความเห็นต่างกัน แต่เหมือนกันอย่างเดียว คือ รวยเหมือนกัน แต่สวนทางกับประชาชนที่ยากจนลง รายได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยนับล้านคน ตนคิดว่า เมื่อมีรัฐบาล 3 ชุดในห้วง 2 ปี ทำให้อายุสภาสั้นลง 1 ปี เป็นการบ้านของรัฐบาลที่ต้องทำงานตามที่พูดไว้ ไม่เฉพาะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 164 (1) แต่ต้องยึดในคำถวายสัตย์ปฏิญาณด้วย เพราะหากใครไม่เคารพเรื่องดังกล่าวบุคคลผู้นั้นมีโอกาสเป็นไป

ท้าพิสูจน์คนรวย ไม่โกง

นายกรัฐมนตรีมีโอกาสพิสูจน์ คนรวยไม่โกงก็มี ความเชื่อที่มีแต่เดิมว่าต้องสนับสนุนคนรวย นักการเมืองต้องดูแลงบประมาณมหาศาล จะไปเลือกคนไม่มีเงินไม่มีบ้านอยู่ เดี๋ยวจะคอร์รัปชันโกง ในสมัยนั้นรณรงค์เพื่อสนับสนุนคนรวย แต่เวลาก็พิสูจน์ว่า ความดีความจนไม่ใช่ตัวกำหนด รวยที่สุดก็ทุจริตโกง โคตรโกงก็มี นายกฯ ต้องมีโอกาสพิสูจน์ว่าไม่จริงหรอก เป็นเรื่องตัวบุคคลในฐานะท่านเป็นคนหนึ่งอยู่ในกลุ่มคนรวย พิสูจน์ให้เห็นว่าคนรวยมาเป็นนักการเมืองไม่โกงก็มี” นายชวน กล่าว