“จิราพร” อภิปรายเดือด ซัดรัฐบาล “อนุทิน” เกิดจาก MOA พิสดาร ฉีกข้อตกลง–ละเลยแก้ รธน.–เงื่อนไขคดีค้างคา ลั่นหากนายกฯ หนู จริงใจแก้รธน.จริง ขอให้ชวนสว. สัญญาแก้รธน.
วันที่ 30 ก.ย. 2568 น.ส. จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย อภิปรายต่อคำแถลงนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระบุว่ารัฐบาลชุดนี้ถือเป็น “รัฐบาลพิเศษ” ที่เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ไม่ปกติ หลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลเดิม ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส. แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่ ก่อนตัดสินให้พ้นตำแหน่งในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ซึ่งทั้งหมดสอดคล้องกับคำประกาศของผู้นำประเทศเพื่อนบ้านว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐบาลใน 3 เดือน ขอตั้งคำถามว่า MOA ที่ถูกนำมาใช้จัดตั้งรัฐบาลนี้อาจไม่ใช่ข้อตกลงจริงทั้งหมด แต่เป็นเพียงฉากหน้าเท่านั้น และเมื่อรัฐบาลเริ่มทำงานกลับไม่เคารพ MOA เลย โดยกล่าวว่า
“รัฐบาลนี้เกิดจาก MOA แต่กลับไม่เคารพ MOA ที่ตัวเองลงนามไว้เลย วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คะแนนที่ได้เกินกว่าที่คำนวณกันไว้ แถมยังมี สส. หลายกลุ่มประกาศย้ายเข้าภูมิใจไทย อย่างเปิดเผย นี่เท่ากับว่าข้อตกลงที่ห้ามแปลงร่างเป็นเสียงข้างมาก ถูกฉีกตั้งแต่วันแรกที่รัฐบาลลืมตาขึ้นมา”
เชื่อไม่ทำตามข้อตกลง
น.ส. จิราพร ยังเปรียบเทียบกับรัฐบาลเฉพาะกิจของนายอานันท์ ปันยารชุน เมื่อปี 2535 ที่แถลงนโยบายเพียง 1 หน้าเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน แต่รัฐบาลอนุทินกลับแถลงนโยบายถึง 7 หน้า เต็มไปด้วยนโยบายยาวเหยียดโดยไม่เอา MOA มาประกาศต่อสภา พร้อมเน้นว่า
“คำแถลงนโยบายยาวถึงเจ็ดหน้ากระดาษ แต่พูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงแค่สามบรรทัดเศษ ทั้งที่นี่คือภารกิจใหญ่ที่สุดใน MOA ภาพที่ปรากฏต่อประชาชนจึงสะท้อนความจริงใจของรัฐบาลว่ามีเพียงน้อยนิด รัฐบาลนี้อาจไม่คิดทำตามข้อตกลงเลยตั้งแต่ต้น”
...
ซัดรัฐบาลกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
ในประเด็นคดีความนั้น ประชาชนอยากรู้ท่าทีรัฐบาลต่อคดีเขากระโดงและคดีฮั้ว สว. ที่เกี่ยวพันกับตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี แต่สิ่งที่สังคมได้ยินคือเพียงคำว่า “ถูกกลั่นแกล้ง” จนกลายเป็นการส่งสัญญาณกดดันข้าราชการผู้ทำคดี ขัดกับคำประกาศว่าจะยึดหลักนิติธรรม ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ MOA กลับถูกลดทอนจนแทบไร้น้ำหนัก และยังกล่าวต่อว่า
“รัฐบาลนี้กุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่ต่างจากรัฐบาลที่มาจากการทำรัฐประหาร เพียงแต่ขาดมาตรา 44 เท่านั้น นอกนั้นมีครบทุกอย่าง และถ้าเป็นเช่นนี้ แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลไป ประเทศไทยก็ยังต้องอยู่กับระบอบสีน้ำเงินต่อไปอีกนับสิบปี” และยังกล่าวต่อว่าหากนายกฯ อนุทิน จริงใจที่จะแก้รัฐธรรมนูญจริง ขอให้ท่านเชิญชวนสว. ขึ้นมาให้สัญญาเลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ
MOA ชุบชีวิตอนุรักษ์นิยม
น.ส. จิราพร สรุปการอภิปรายด้วยการย้ำว่า MOA ไม่ได้สร้างประชาธิปไตย แต่เป็นการต่ออายุฝ่ายอนุรักษ์นิยม โดยกล่าวว่า “การทำ MOA ไม่ได้ทำให้ประเทศไทยเดินเข้าใกล้ช่วงเวลาแห่งการฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่กลับเป็นการชุบชีวิตฝ่ายอนุรักษ์นิยมและอำนาจพิเศษให้กลับมามีอาวุธครบมือ นี่คือการฟื้นคืนชีพของอำนาจที่ประชาชนเคยต่อสู้มาก่อน”
ประกาศเป็นฝ่ายตรวจสอบเข้มข้น
น.ส. จิราพร ยังประกาศบทบาทฝ่ายค้านชัดเจนว่า “สี่เดือนต่อจากนี้ พรรคเพื่อไทยจะทำให้เป็นสี่เดือนแห่งการตรวจสอบอย่างเข้มข้นที่สุด ใช้ทุกกลไกของรัฐสภาที่มี ไม่เว้นแม้แต่การตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อให้พี่น้องประชาชนเห็นชัดว่ารัฐบาลแบบนี้สมควรหรือไม่ที่จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อไปอีกสี่ปี”