“นายกฯ อนุทิน” เผยภาพรวมอภิปรายแถลงนโยบายรัฐบาลวันแรก รมต.จดคำแนะนำ-ติติงไว้หมด พร้อมทำงานด้วยความรวดเร็ว ลั่นถ้า MOU ไม่มีประโยชน์กับไทย ครม. พร้อมยกเลิก ยัน ยังไม่คิดทำเมืองคู่แฝด


เมื่อเวลา 08.48 น. วันที่ 30 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางมาถึงอาคารรัฐสภา และ นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินมาด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้ทำความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ก่อนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเข้าประชุมร่วมรัฐสภาในวาระแถลงนโยบายรัฐบาลถึงภาพรวมในวันแรก ว่า ก็ดี ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้คำแนะนำ ให้ข้อคิดและข้อติติง ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้บันทึกไว้ ตรงไหนที่สามารถนำไปปฏิบัติและเกิดประโยชน์ได้จะดำเนินการตามนั้น

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า รัฐบาลมีเวลาทำงานเพียง 4 เดือน สไตล์การทำงานของคณะรัฐมนตรีชุดนี้คืออันไหนทำได้ต้องทำเลย ไม่มีคำว่ารีบร้อน มีแต่ทำด้วยความรวดเร็วและผ่านการกลั่นกรอง ผ่านการดำเนินการที่ถูกต้อง โปร่งใส มีประโยชน์ ผู้สื่อข่าวถามต่อ อาจถูกมองว่าเป็นการหาเสียงล่วงหน้าได้ โดยนายอนุทิน ตอบว่า ทุกพรรคก็หาเสียงหมด การอภิปรายข้อมูลให้พี่น้องประชาชนได้เห็นในสภาฯ ก็คือการหาเสียงอย่างหนึ่ง ผู้สื่อข่าวอย่าจับไปเป็นประเด็น ทุกครั้งที่มีการพูดในสภาฯ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน คือพูดให้พี่น้องประชาชนฟัง ไม่ได้พูดให้ฟังกันเองแค่นี้

...


ในคำถามว่ารัฐบาลมั่นใจใช่หรือไม่ว่าโครงการคนละครึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะเวลาสั้นได้ นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการคนละครึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนอยู่แล้ว ประชาชนลงครึ่งหนึ่ง รัฐบาลลงครึ่งหนึ่ง ถ้าประชาชนไม่ใช้จ่ายก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร โครงการก็จะไม่เกิดประโยชน์ แต่ถ้าเกิดเม็ดเงินจากการใช้จ่ายจะทำให้เกิดการกระตุ้นของเม็ดเงิน โดยเมื่อถามถึงเรื่องคะแนนนิยมของผลสำรวจที่มากขึ้น นายอนุทิน ไม่ได้ตอบแต่กล่าวขึ้นว่า พูดไม่ค่อยชัดกินยินตันอยู่

ส่วนประเด็นเรื่องบัตร 4 ใบในการเลือกตั้งที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย กล่าวในที่ประชุมรัฐสภา นายอนุทิน ตอบในประเด็นนี้ว่า ต้องเร่งทำความเข้าใจให้พี่น้องประชาชนให้รับทราบ แต่เราไม่ใช่ไม่เคยทำ ก่อนหน้านั้นเคยมีการทำประชามติมาแล้วหลายครั้ง รัฐบาลจะประสานงานหาความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กระทรวงมหาดไทย ที่จะเร่งทำความเข้าใจและทำความคุ้นเคยให้กับพี่น้องประชาชน จะได้ใช้สิทธิให้ถูกต้องตามบัตรลงคะแนนแต่ละใบ

ผู้สื่อข่าวถามย้ำบัตร 4 ใบจะทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า เป็นการคาดการณ์ของอาจารย์บวรศักดิ์ เพราะการทำประชามติแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่าย 5,000-6,000 ล้านบาทต่อครั้ง ดังนั้นเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ และต้องไม่ดูถูกภูมิปัญญาของพี่น้องประชาชนสามารถที่จะทำความเข้าใจได้ เร่งใช้สื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าจะลงคะแนนอย่างไร

ถ้า MOU ไร้ประโยชน์ จะเก็บไว้ทำไม ครม. พร้อมยกเลิก 

ในประเด็น MOU ที่จะนำมาลงประชามติเป็นฉบับ 2543 หรือ 2544 นายอนุทิน เผยว่า ตอนนี้คณะกรรมาธิการศึกษาทั้งฉบับ 2543 และ 2544 เราต้องรอผลการศึกษาออกมาก่อน ถ้ามีความชัดเจนและรัฐบาลประเมินแล้ว อาจจะไม่ต้องศึกษาก็ได้ ถ้าเลิกเลยได้ ก็อาจจะเลิกโดยคณะรัฐมนตรีก็ได้ เพราะอำนาจการเลิก MOU อยู่ที่คณะรัฐมนตรีเพียงแต่เราต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่โยนภาระให้ประชาชน แต่เป็นการให้เกียรติประชาชนมากกว่าเพราะเรื่องอะไรก็ตามที่มีความแตกต่างทางความคิด เป็นเรื่องที่เป็นความสนใจเกี่ยวข้องกับอธิปไตย ความมั่นคงของประเทศ และเป็นเรื่องที่ทอดยาวมานานแล้ว เราก็อยากจะถามพี่น้องประชาชน

“แต่ถ้าผลการศึกษาออกมาชัดเจนว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ประเทศไทยไม่ได้เปรียบอะไรเลย ซึ่ง ณ ขณะนี้เราอยู่ในสถานะที่ถ้าประเทศไทยไม่ได้เปรียบอะไรจากกัมพูชา เราเลือกประเทศไทยก่อน ถ้ามีความชัดเจนก็อาจจะเลิกเลยก็ได้โดย ครม. ย้ำว่าเป็นการให้เกียรติประชาชน เพราะถ้าทำเองคงยกเลิกไปแล้ว คำว่า MOU (Memorandum of Understanding) ถ้าเป็นทั่วไปจะมีการกำหนดกรอบเวลา ก็ต้องไปดูบริบทใน MOU 2543-2544 ก่อนว่ามีการกำหนดการสิ้นสุดของ MOU นี้หรือไม่ อย่างไร ถ้าไม่ได้กำหนด แต่ 20 กว่าปียังไม่เข้าใจและยังห่างจากการบรรลุข้อตกลงแล้วจะเก็บไว้ทำไม จะเก็บไว้ให้เป็นประโยชน์ของใคร ถ้าประเทศไทยได้ประโยชน์จะเก็บไว้ แต่ถ้าไม่ได้ประโยชน์จะเลิก”

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า MOU ต่างจาก MOA ของตนกับพรรคประชาชน เพราะผูกมัดผูกพัน เบี้ยวไม่ได้ 4 เดือนต้องยุบสภา แต่ MOU เมื่อไม่เข้าใจกันเมื่อไหร่ก็เลิกอันนี้ในบริบทของตน มีคนพยายามไปตีความว่าต้องเลิกทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งมองว่าถ้าเลิกทั้ง 2 ฝ่ายต้องเป็นสัญญา อันนี้เป็นการตีความเบื้องต้นของตน แต่ต้องถามผู้รู้ทางกฎหมายก่อน พร้อมย้ำว่าถ้าจะตัดสินใจเป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรี

ทางด้านคำถามว่าจะกู้ศรัทธารัฐบาลอย่างไรในกรณีมีรัฐมนตรีบางรายถูกพูดถึงเรื่องคุณสมบัติ นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมตรวจสอบประวัติ คุณสมบัติ ตามที่กฎหมายกำหนด และตรวจสอบโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการตรวจสอบทางประวัติ ประวัติการศึกษา คุณสมบัติ จากหน่วยงานยาเสพติด อัยการ ตำรวจ ปปง. ปปท. ปปช. ก็ได้รับการยืนยันว่าไม่มีข้อมูลใดๆ ที่ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งไป มีความผิดหรือขาดคุณสมบัติ และยังมีการเรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมด 9 หน่วยงานเพื่อให้ความเห็นพิจารณาทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย”

ยังไร้แนวคิดเมืองคู่แฝดแก้ปัญหาชายแดน

สำหรับการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า มีหลายวาระ เป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องเร่งทำนโยบายที่เราได้แถลงเอาไว้ ส่วนเรื่องแนวคิดของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในการแก้ไขปัญหารุกล้ำชายแดนจังหวัดสระแก้ว ที่อาจจะทำเป็นเมืองคู่แฝด หนองจานโมเดลนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตอนนี้ยังเพราะเน้นเรื่องรักษาอธิปไตย รักษาดินแดนของประเทศ และดำเนินการตามกฎหมายให้เคร่งครัด อันนั้นเป็นแนวคิดเมื่อหากมีการพูดคุยได้แล้ว ณ ตอนนี้ยังพูดคุยไม่ได้ ก็ยังไม่ต้องคิดเรื่องนั้น

เมื่อถามย้ำว่าต้องถามคนในพื้นที่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบกลับทันทีว่า คนในพื้นที่ก็ไม่ต้องถามอะไร เพราะมีความชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนไทยอยู่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตามเมื่อถูกถามถึงเรื่องที่รัฐบาลจะใช้มติประชาชนในการหาเสียงครั้งหน้า นายอนุทิน หัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วจึงกล่าวว่า “ขอบคุณมาก เปิดประชุมแล้ว”