“ชูศักดิ์” แจงเหตุผล 3 ข้อ ทำให้ ร่าง รธน. ใหม่ส่อล่ม เหตุ ครม. ไม่เสนอร่างแก้ไข สว.ไม่เห็นด้วย และมีผู้ยื่นศาลรธน.สกัด ตอกกลับทำไมไม่ระบุให้ชัดในนโยบายว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
วันที่ 29 ก.ย. 2568 ที่รัฐสภานายชูศักดิ์ ศิรินิล สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงนโยบายรัฐบาล ในประเด็นของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องทางให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่ก่อนที่จะเข้าสู่รายละเอียดชูศักดิ์ได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีความเข้าใจกันว่ารัฐบาลนี้ ได้ทำข้อตกลงหรือ MOA กับพรรคการเมือง ว่าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังจากมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งหลังจากนั้นก็จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรภายใน 45 ถึง 60 วัน และหลังจากมีการเลือกตั้งเสร็จแล้ว กกต. จะมีเวลาในการรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน และเมื่อรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในท้ายที่สุดก็จะต้องมีการฟอร์มคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็อาจจะใช้เวลานานพอสมควร ฉะนั้นที่มีการระบุว่าเป็นรัฐบาลเพียง 4 เดือนนั้น ในความจริงแล้วจะมีระยะเวลาในการเป็นรัฐบาลมากกว่านั้น อาจจะนานถึง 8 เดือน หรืออาจจะนานถึง 1 ปีก็ได้
แปลกเขียนนโยบายจะไม่ทำอะไร
ข้อสังเกตประการที่สอง ชูศักดิ์ระบุว่า รัฐบาลชุดนี้เขียนนโยบายไว้ทั้งหมด 15 ข้อ แต่ถือเป็นเรื่องที่แปลกที่มีการระบุว่ารัฐบาลนี้จะไม่ทำอะไรบ้าง โดยมีการระบุว่าจะไม่มีการทำนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีธุรกิจการพนันผนวกเข้าไปด้วย จะไม่มีการทำนโยบายการกีฬาที่ผสมด้วยการพนันเช่นโป๊กเกอร์ เป็นต้น
“ผมเข้าใจดีครับว่าเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ก็เป็นจุดที่เรามีความคิดเห็นที่แตกต่างกันตอนที่เราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันในขณะนั้น“
...
เหน็บไม่เขียนเรื่องเขากระโดง
“แต่ถ้าให้ดีท่านก็ควรระบุไว้ในการแถลงนโยบายไปเลยว่าท่านจะไม่ทำเรื่องเหล่านี้ด้วย เช่นการเข้าไปแทรกแซงกระบวนการเพิกถอนสิทธิที่ดินเขากระโดง การแทรกแซงกระบวนการทางคดีฮั้ว สว. ก็จะได้ไม่ต้องมีการประท้วงกันให้วุ่นวายเหมือนช่วงที่ผ่านมา หากเขียนกันไปให้ชัดเจนแบบนี้ก็จะได้ไม่ต้องมีใครมาถามอะไรให้มากมาย”
แปลกใจไม่ยอมพูดถึงกัญชา
ส่วนข้อสังเกตประเด็นสุดท้าย ชูศักดิ์ระบุว่า หลายคนยังแปลกใจอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลชุดนี้กลับไม่มีการพูดถึงเรื่องกัญชาเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่านโยบายกัญชาเสรีเป็นเรื่องที่ประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์จากชาวโลกพอสมควร ว่าเมืองไทยเป็นแหล่งผลิตกัญชาและจำหน่ายไปทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาชาวโลกไม่สู้ดีนัก
ไม่เชื่อรัฐบาลจริงใจแก้รธน.
สำหรับประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดช่องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น ชูศักดิ์ ระบุว่า จากการที่ได้อ่านข้อตกลง ระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย กับนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มีระบุเอาไว้เพียงสามบรรทัด ทำให้เกิดความรู้สึกว่า ขาดความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความจริงจังและจริงใจในการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มากน้อยแค่ไหน
ไร้ร่างแก้รธน.ของรัฐบาล
“ผมมีข้อสังเกตที่เป็นห่วงอยู่พอสมควร เพราะนโยบายที่เขียนไปกับข้อตกลงที่ได้มีการทำร่วมกันไว้นั้นดูไม่สอดคล้องกัน เพราะข้อตกลงที่ทำกันไว้ทำให้เข้าใจว่า คณะรัฐมนตรีพรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย จะต้องร่วมกันผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ในเวลานี้คณะรัฐมนตรียังไม่มีท่าทีว่าจะเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญเลย”
นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การที่ไม่มีร่างรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรีจะนำมาสู่ปัญหาสำคัญคือ ในวาระที่ 1 2 และ 3 ของการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญนั้นจะต้องได้เสียงจากรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งเป็นเงื่อนไขประการสำคัญ และเมื่อสองสามวันนี้ได้พบเห็นการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ร่วมรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ให้สัมภาษณ์ว่า ท่านไม่สนับสนุนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง ท่านจะรักษารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไว้และไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
หากล่มใครรับผิดชอบ
นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า นอกจากท่านจะต้องได้เสียงจากรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งคือท่านจะต้องได้เสียงจาก สมาชิกวุฒิสภาไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ปัญหาที่กังวลก็คือหากเราไม่สามารถผลักดันให้มีการผ่านร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ เราก็ทำได้เพียงปล่อยให้มีการเซ็นข้อตกลงกันไปโดยที่ได้เพียงแค่การยุบสภาภายใน 4 เดือนแต่รัฐธรรมนูญนั้นเราจะไม่ได้อะไรเลย ซึ่งปัญหาที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
แจงเหตุผลร่าง รธน.ใหม่ไม่รอด
เรื่องรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นสิ่งที่เราตั้งใจรอคอยกันมานาน แต่เท่าที่ดูจากสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาแล้ว คาดว่าจะมีพลังจากองค์กรต่างๆ ในการต่อต้าน ไม่ให้มีการเปิดทางเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยรวมแล้วสิ่งที่จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมนี้ไม่ประสบความสำเร็จมาจาก 1.การได้รับเสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา 2.สมาชิกวุฒิสภาไม่เห็นด้วยและได้เสียงไม่ถึงหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมด 3.เกิดสถานการณ์บางอย่างแบบที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเช่นมีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งไปรวบรวมเสียงและยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาอีกครั้ง หรือในท้ายที่สุดอาจมีขบวนการต่อต้านลักษณะอื่นเกิดขึ้น จนทำให้การจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ