ผู้นำฝ่ายค้าน เปิดอภิปรายการแถลงนโยบายรัฐบาล ชี้ เป็นจุดหมายแรกนำไปสู่ยุบสภา-มีรัฐธรรมนูญใหม่ หวัง 4 เดือนจากนี้เป็นโอกาสสำคัญสู่อนาคตใหม่ประเทศ ฝากนายกฯ เคารพกระบวนการยุติธรรม-ประชาชน
เมื่อเวลา 09.34 น. วันที่ 29 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 7 หน้า โดยใช้เวลาแถลงราว 25 นาที (อ่านแถลงนโยบาย "อนุทิน" นำทีมแถลงนโยบายรัฐบาล ยึด 3 หลักสำคัญ หวังแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ) จากนั้นเวลา 10.02 น. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า วันนี้เป็นจุดหมายแรกเพื่อนำไปสู่การยุบสภา และการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมย้อนไปถึงการปฏิวัติรัฐประหารในอดีตที่ผ่านมา
นายณัฐพงษ์ อภิปรายต่อไปว่า 2 ปีที่ผ่านมาต้องเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน พร้อมชวนถามทุกคนในรัฐสภาตลอดชีวิตที่มีสิทธิ์เลือกตั้งไม่เคยมีใครไม่ผ่านเหตุการณ์การปฏิวัติรัฐประหาร เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ไม่เคยมีประชาธิปไตยเต็มใบเสียที พร้อมย้ำถึงการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในรอบ 2 ปีต้องแถลงนโยบายถึง 3 ครั้ง ด้วยกลไกการเมืองและจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
อีกทั้ง การศึกษาประเทศไทยเป็นรองหลายประเทศในอาเซียน หลายคนต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาทั้งที่เป็นอนาคตของประเทศนี้ ไทยเราเดินช้ากว่าโลก แม้กระทั่งเวียดนาม ไทยไม่เคยฟื้นตัวกลับมายืนเส้นเดียวกับโลกได้เลย โครงสร้างเศรษฐกิจไทยกำลังอ่อนแอ อุตสาหกรรมกำลังล้าหลัง ไม่สามารถฟื้นตัวได้เหมือนประเทศอื่นๆ เราไม่เคยเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายปีนี้ ด้วยปัญหาต่างๆ ในเชิงลบ ดัชนีคอร์รัปชันเหลือ 34 คะแนน เป็นอันดับ 107 ของโลก ต่ำที่สุดในรอบ 12 ปี องค์กรอาจตกเป็นเครื่องมือการเมือง โดยไม่อิงถึงประโยชน์ประชาชน
...
ถึงเวลายกเครื่อง-จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชน
ถึงเวลาที่เราจำเป็นต้องยกเครื่องให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ถ้าเรามีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด เพื่อให้ได้รัฐบาลที่มีความชอบธรรม กล้าปฏิรูปเชิงโครงสร้าง ปรับยุทธศาสตร์ที่ปรับไปตามโลก ไม่ติดล็อกกับยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ คสช. เขียนไว้ ต้องการรัฐบาลที่เข้ามายกระดับการสร้างรายได้ ทุกห่วงโซ่อุปทานต้องไปรับการยกระดับใหม่ ต้องการระบบถ่วงดุลตรวจสอบที่ไม่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่ต้องปกป้องภาษีประชาชน จึงต้องเริ่มจากจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
พรรคประชาชนมุ่งมั่นที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และที่ยอมโหวตให้ นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีตาม MOA และการทำหน้าที่ 4 เดือนนี้จะเป็นสิ่งที่ประชาชนตัดสินในวันหน้า ภายใน 4 เดือนนี้จะต้องเดินหน้ากระบวนการรัฐธรรมนูญก่อนการยุบสภา รัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รวมถึงปัญหาที่ตกค้างจากชุดก่อนได้หลายเรื่อง
“ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน จะยังคงทำหน้าที่ถ่วงดุลตรวจสอบรัฐสภาอย่างเต็มที่ เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ใช้เสียงของพวกเราโหวตให้กับคุณอนุทิน เพื่อให้รัฐบาลใหม่เอาอำนาจไปใช้โดยมิชอบ หรือเพื่อสนับสนุนการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ได้มีความเหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี หรือเพื่ออนุญาตให้รัฐบาลเข้าไปแทรกแซงการดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเขากระโดง หรือฮั้ว สว. และการตรวจสอบคดีทุจริตในรัฐบาลที่ผ่านมา”
หวัง 4 เดือนต่อจากนี้เป็นโอกาสสำคัญเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ประเทศ
ตนเองและพรรคประชาชนใช้เสียงของพวกเราเพื่อมุ่งหวังให้ 4 เดือนต่อจากนี้เป็นโอกาสสำคัญในการเปิดประตูสู่อนาคตใหม่ประเทศ ประเทศที่ในยุคต่อไป เมื่อทุกคนหลับตาลงนึกถึงหน้าลูกหลาน พวกเขาจะเป็นลูกหลานไทยรุ่นแรกที่เดินหน้าคูหาเลือกตั้งแล้วตลอดช่วงชีวิตตั้งแต่วันที่เขาเกิดจนถึงวันที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ชีวิตจะอยู่ในระบบการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตย ปราศจากการปฏิวัติรัฐประหาร ประเทศจะได้พุ่งทะยานไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่การใช้เสียงของพวกเราเพื่อปิดประตูแล้วทำให้วงจรชีวิตของลูกหลานเรายังคงติดอยู่ในลูป ติดอยู่ในระบบการเมืองแบบที่คนทุกรุ่นที่อยู่ในยุคนี้กำลังเสื่อมศรัทธา
ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ทิ้งท้ายว่า “สุดท้ายผมอยากฝากท่านประธาน ผ่านไปยังท่านนายกรัฐมนตรี คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ว่าสิ่งที่พวกเราอยากเห็นจากท่านนายกรัฐมนตรีนั้น จะไม่ใช่แค่การที่ท่านจะต้องเคารพต่อข้อตกลงที่ทำไว้กับพรรคประชาชน แต่ผมอยากเห็นท่านนายกฯ เคารพต่อกระบวนการยุติธรรม และเคารพต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนผู้ที่เป็นเจ้าของประเทศและผู้ที่เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในประเทศนี้” และจบการอภิปรายในเวลา 10.19 น. จากนั้นต่อด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว