“อนุทิน” ลงอยุธยาตรวจน้ำท่วมบางบาล ยันงบฯ ถึงมือประชาชน 100 % ขอให้กล้าใช้งบฯ เพื่อปชช.เต็มที่ ยันทำงานรวดเร็วได้คนกล้าตัดสินใจร่วมรัฐบาล ก่อนเรียก “สส.เต้ ทวิวงศ์” พรรคประชาชนขึ้นเวทีแนะนำ บอก “เลือกเต้ให้เต้มาเลือกหนู” สัญญาไม่ปล่อยชาวบ้านเผชิญน้ำทุกปี หวังประชาชนไว้วางใจ กลับมาสานต่อ
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ก.ย. 2568 ที่วัดโคกหิรัญ (ริมแม่น้ำเจ้าพระยา) ต.บางชะนี อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา
ด้วยรถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด เวลไฟร์ ทะเบียน สน. 5999 กรุงเทพมหานคร โดยมีนายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย น.ส.ศศิธร กิตติธรกุล รมช.มหาดไทย นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในฐานะ สส.อยุธยา เขต 4 นายประดิษฐ์ สังขจาย สส.อยุธยา เขต 5 นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.อยุธยา เขต 1 พรรคประชาชน (ปชน.) น.ส.พิมพฤดา ตันจรารักษ์ สส.อยุธยา เขต 3 พรรคภูมิใจไทย และนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา รอต้อนรับด้วย
โดยเมื่อนายกฯเดินทางมาถึงผู้นำท้องถิ่น และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ร้องเพลงมาร์ช อสม.ต้อนรับ ก่อนมอบดอกกุหลาบ และตะโกนบอกว่า “ขวัญใจ อสม.” และ “รักท่านนายกฯ” ก่อนที่นายกฯร่วมถ่ายภาพเซลฟี่อย่างเป็นกันเอง ทั้งนี้ระหว่างนายกฯลงพื้นที่ได้มีฝนตกลงมาโปรยปราย จากนั้นนายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สรุปรายงานสถานการณ์น้ำ
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้มาพบปะกับตนและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น อสม.มาถึงก็เหมือนเจอแฟนเก่าร้องเพลงต้อนรับ วันนี้มาในฐานะนายกฯสามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนในทุกมิติ เพราะรัฐบาลชุดนี้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเดียวกัน ถึงแม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมอยู่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลและเป้าหมายที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ทุกคนมีคือประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน ดังนั้นเราจะทำงานอย่างเต็มที่ให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความเดือดร้อนให้น้อยที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราทราบดีอยู่แล้วว่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาแห่งนี้มีน้ำท่วมทุกปี น้ำท่วมซ้ำซาก เนื่องจากในพื้นที่ได้รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาตอนบน เป็นพื้นที่ต่ำทำให้ระบบการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ยาก นอกจากนี้แม่น้ำเจ้าพระยายังมีลักษณะคอขวดทำให้การระบายน้ำช้าลง เราพยายามสู้กับธรรมชาติมาโดยตลอดและพยายามคิดแผนการในการบรรเทาการเกิดอุทกภัยให้กับประชาชนมากที่สุด ตอนนี้เนื่องจากเรื่องของการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ภาคกลาง ทางรัฐบาลต้องใช้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ที่ต้องคอยเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆในการบริหารจัดการสถานการณ์น้ำท่วม
...
นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พวกเราทุกคนที่อยู่ในที่นี้ประชาชนคงเห็นว่าเป็นคนของพี่น้องประชาชนทั้งนั้น สส.เอ นายสุรศักดิ์ ลูกชายของนายก อบจ. วันนี้ได้เป็นรมว.การอุดมศึกษาฯ นอกจากรับผิดชอบดูแลเรื่องการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ยังกำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม ที่เป็นเทคโนโลยีขั้นสูงนำมาใช้เพื่อลดภาวะภัยธรรมชาติ
จากนั้น นายอนุทิน ได้เรียก สส.เต้ ทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.พรรคประชาชน เขต 1 พระนครศรีอยุธยา ขึ้นมาบนเวที พร้อมกล่าวว่า สส.เต้อยู่พรรคประชาชน(ปชน.) แต่ไม่ต้องกังวล แม้อยู่คนละพรรคแต่เขาโหวตให้นายอนุทิน ตนไม่มีข้อสงสัยว่าเขาเป็นพรรคการเมืองคนละพรรคกับเรา สส.เต้เป็น สส.ที่ชาวบางบาล เลือกมา ซึ่งท่านก็ได้ขานชื่อตนในสภา ให้ตนเป็นนายกฯ เท่ากับพ่อแม่พี่น้องทุกคนให้ฉันทานุมัติให้ตนเป็นนายกฯ ในเมื่อพ่อแม่พี่น้องมีความทุกข์ยาก ไม่ว่าท่านจะเลือกใครเป็น สส.ก็ตาม นายกฯและรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคลายทุกข์ให้กับพี่น้องทุกคนโดยทันที
นายอนุทิน ยังเรียก สส.อยุธยา ทั้งหมดขึ้นบนเวที พร้อมกล่าวว่า ทำไมไม่ขึ้นมาเดี๋ยวก็สอบตกทั้งหมดหรอก ก่อนแนะนำทุกคนให้ประชาชนรู้จัก รวมถึงแนะนำทีมนายก อบจ. และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยกับประชาชน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อเกิดปัญหาต้องเร่งแก้ได้ทันท่วงที โดยเฉพาะเรื่องงบที่จะเยียวยา เช่น กลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ตนให้การยืนยันว่าเมื่อเกิดภัยพิบัติที่เป็นเหตุฉุกเฉิน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นนายก อบต. นายกเทศมนตรี เรามีงบประมาณฉุกเฉินที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถเบิกจ่ายได้ในรูปแบบของงบฉุกเฉิน ไม่ต้องเป็นกังวล ใช้เพื่อประโยชน์บรรเทาทุกข์ของประชาชน แล้วไม่ต้องห่วงการตรวจสอบ ถึงแม้ใครจะมาตรวจสอบเราก็สามารถชี้แจงได้ ตนให้ความมั่นใจว่างบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยจะต้องตกถึงพ่อแม่พี่น้องทั้ง 100% ไม่มีตกหล่น ขอให้ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับทราบถึงงบที่จะมาช่วยพ่อแม่พี่น้องและอย่าไปเกรงกลัว ที่ตนได้รับทราบมาว่าหลายท่านกลัวคนจะมาตรวจสอบทำให้ไม่กล้าใช้ ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดต้องมีหน้าที่ไปชี้แนวทางให้ท่านทั้งหลายได้ใช้งบฉุกเฉินเหล่านี้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องให้ทันท่วงที
สำหรับตนก่อนที่จะมาเป็นนายกฯ ก็เป็นรมว.มหาดไทยมา เข้าใจในเรื่องความเร่งด่วน ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน แต่ตอนนั้นเราเบิก แต่คนอนุมัติจ่ายเป็นอีกคน เขาก็มีวิธีตรวจสอบเยอะไปหมด แต่วันนี้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยทั่วประเทศ รมว.มหาดไทย ที่ชื่ออนุทิน จะทำเรื่องเสนอให้นายกรัฐมนตรี ที่ชื่ออนุทิน อนุมัติ ขั้นตอนจะถูกลดลงมา ขอเพียงอย่างเดียวข้าราชการตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ไปจนถึงระดับกรม กระทรวง และขั้นตอนของรัฐมนตรีทั้งหลายในการร่วมพิจารณาขอให้เร่งพิจารณา และในครม.ถ้าเป็นเรื่องของประชาชนแล้ว ซึ่ง ครม.ส่วนใหญ่คือ สส.ของท่านทั้งนั้น จึงเข้าใจความจำเป็นเร่งด่วนของท่าน ขอให้ประชาชนวางใจว่าพวกเราทุกคนจะทำงานอย่างเต็มที่รวดเร็ว เพื่อให้ทุกข์ของท่านได้รับการคลายออกไป และเวลาไปไหนตนต้องหนีบ นายภราดร ไปด้วย เพราะเป็นคนที่ตนได้มอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงบประมาณ ให้ดูแลเรื่องภัยพิบัติ เรื่องงบช่วยเหลือประชาชน ให้มาเห็นด้วยตัวเอง นี่คือการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ รวดเร็วทันใจ ดังนั้นการช่วยเหลือประชาชนรวดเร็วแน่นอน
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดโครงการก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล-บางไทร ให้เสร็จในปี 2569 ซึ่งจะระบายน้ำ 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อตัดยอดน้ำไม่ให้ท่วมพระนครศรีอยุธยา นี่เป็นการแก้ไขปัญหาระยะยาว ตนทราบดีประชาชนไม่อยากได้ถุงยังชีพ เพราะถุงยังชีพมาก็ต่อเมื่อเราใช้ชีวิตปกติไม่ได้ หน้าที่รัฐบาลคือแก้ไขปัญหาระยะยาวด้วย ไม่อย่างนั้นเราก็จะมาเจอกันทุกปีและพ่อแม่พี่น้องจะทนรัฐบาลได้กี่ปี พอน้ำท่วมทีก็มา มาไม่ถึง 3 ครั้ง พ่อแม่พี่น้องแกะถุงยังชีพปาใส่แน่นอน ตนไม่อยากให้ถุงยังชีพต้องใช้ แต่อยากให้เกิดความสะดวกสบายทางระบบสาธารณูปโภค ดังนั้นต้องเกิดการปรับปรุงระบบชลประทานฝั่งตะวันออกตอนล่าง ทำให้เกิดการระบายน้ำตั้งแต่ชัยนาท ป่าสัก เมื่อดูแผนแล้วต้องใช้เวลา 7 ปี ซึ่งมีการขอ งบ 100,000 ล้านบาทในการแก้ปัญหา แต่คอไม่ตก เพราะ 100,000 ล้านบาทนั้น เท่ากับหนึ่งปี 10,000 กว่าล้านบาทเอง หากเราทำโครงการแบบนี้ได้ เทียบกับเงินอีก 10,000 ล้านบาทที่ทุกปีต้องส่งเป็นเงินค่าเยียวยาต่างๆ ให้ประชาชน ซึ่งประชาชนได้แค่ 9,000 บาท ไม่มีประโยชน์นอกจากสร้างขวัญกำลังใจเท่านั้น แต่ตรงนี้เป็นการผันเงินมาแก้ไขปัญหาระยะยาว รัฐบาลเสียทีเดียว และมีระบบสาธารณูปโภคช่วยระบายน้ำหลากทุกปี นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะทำ และขอมอบหมายให้นายศักดิ์ดา ดูแลกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า และต้องถือโอกาสนี้ทำงานเสนอและคนสนองเป็นพวกเดียวกันหมด อย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ ถึงแม้ว่าจะอยู่กันคนละพรรค แต่เปรียบเสมือนเป็นเพื่อนนักเรียนกันมาก่อน ท่านมีความตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ สำคัญคือกล้าตัดสินใจ เมื่อคนกล้าตัดสินใจทุกคนมาทำงานร่วมกันประโยชน์สูงสุดก็เกิดกับประเทศและพี่น้องประชาชน เรามีเวลาทำงานไม่นาน ต้องวางแผนให้ดี ให้พี่น้องไว้ใจเที่ยวหน้าเขาก็จะเลือกให้ทำงานต่อ แต่ถ้า สส.ทำงานไม่ได้อย่าริมาเป็นผู้แทน ทำงานไม่ได้อย่าริมาเป็นรัฐมนตรี และความกล้าตัดสินใจที่จะทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง คนไหนทำงานให้กับพี่น้องมากกว่าก็เลือกคนนั้น จังหวะนี้ทำให้มีประชาชนตะโกนขึ้นมา รอบหน้าก็จะเลือก สส.เต้ จากพรรคประชาชน นายอนุทินจึงตอบกลับว่า "ดีแล้ว เลือกเต้แล้วให้เต้มาเลือกหนู"
ต่อมานายกฯและผู้ว่าฯ อยุธยา มอบเงินช่วยเหลือค่าจัดการศพ และเงินสงเคราะห์ครอบครัว ผู้เสียชีวิต 1 ราย จากเหตุการณ์น้ำท่วม ก่อนมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ทั้งนี้ระหว่างเดินพบปะประชาชน นายกฯ ได้บอกกับชาวบ้านว่า “ขอให้อดทนหน่อย เอาเงินช่วยเหลือก่อน กำลังช่วยเหลือเรื่องการระบายน้ำ วันนี้มากันเยอะรัฐบาลเดียวกัน”
นอกจากนี้ ชาวบ้านยังได้ฝากนายกฯ ดูเรื่องผนังกั้นน้ำ ซึ่งนายกฯ กล่าวตอบว่าตนกำลังดูอยู่ รวมถึงมีการฝากเรื่องการสร้างกำแพงตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่ขอให้ทำสำเร็จ
สัญญาไม่ปล่อยชาวบ้านเผชิญน้ำทุกปี หวังประชาชนไว้วางใจ กลับมาสานต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะลงพื้นที่ไหนอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มี แต่ขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยเกิดที่ภาคกลาง ขณะเดียวกัน ก็มีแผนที่จะต้องเร่งโครงการต่างๆ เพื่อสนับสนุนโครงการที่ระบายน้ำ ออกจากพื้นที่ในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้มากที่สุด ต้องเร่งศึกษาโครงการทำทางระบายน้ำ ตอนใต้เขื่อนเจ้าพระยา ที่ จ.ชัยนาท ลงอ่าวไทย
นายอนุทิน กล่าวว่า จริง ๆ แล้ว ถามว่าเงินที่จะมาทำโครงการนี้เยอะไหม ต้องใช้เวลา 7-8 ปี ก็ใช้ประมาณ 100,000 ล้านบาท ตกปีละ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งไม่ได้เยอะ เพราะต้องรีบทำพื้นฐานให้เรียบร้อย เพื่อให้โครงการนี้เกิดขึ้น ถ้าเทียบกับเงินช่วยเหลือเยียวยา ที่ต้องจ่ายให้ทุกปี ปีละ 3-4 หมื่นล้านบาท ก็เป็นจำนวนเงินที่มากกว่าไปทำโครงการที่เป็นถาวรวัตถุ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการระบายน้ำ และผันน้ำออกจากพื้นที่ภาคกลางได้ ก็จะแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพราะการมาเจอชาวบ้านทุกปีแบบนี้ไม่ไหว มาแล้วก็ต้องมาขอโทษ นำถุงยังชีพมาให้ ซึ่งชาวบ้านไม่ได้อยากได้ ดังนั้น ต้องสร้างโครงการที่แก้ไขปัญหาระยะยาว ซึ่งพวกตนเองจะทำ
เมื่อถามว่าเวลาที่มีอยู่ของรัฐบาล จะสามารถดำเนินโครงการ ช่วยบรรเทาปัญหาซ้ำซากได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า โครงการต่างๆ ไม่มีรัฐบาลไหน ที่จะทำได้เสร็จภายในอายุรัฐบาลของรัฐบาลนั้น ๆ หรอก แต่เราต้องเริ่ม เราต้องตัดสินใจเริ่ม ต้องไม่คิดว่าไปปัดแข้ง ปัดขาใคร ต้องถือว่าโครงการนี้ ไม่ว่าใครจะนำเสนอขึ้นมา พรรคไหน พวกไหน แต่ถ้าประชาชนได้ประโยชน์ ตนขอให้คำยืนยันเลย เพราะตนก็ถูกฝึกมาอย่างนี้ และนิสัยตน ไม่แคร์ว่าใครจะได้เครดิต ถ้าประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด ใครเสนอมา ตนก็เห็นชอบหมด
เมื่อถามว่าถ้าเริ่มต้นแล้ว ครั้งหน้าเราหวังว่าจะกลับมาสานงานต่อหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องหวังผลเลิศ ซึ่งต้องทำงานให้ประชาชนมั่นใจและเชื่อใจว่า เรามาแก้ไขปัญหาจริง และรักษางบประมาณของประเทศ เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ ต้องไม่หายไปไหน ต้องถูกใช้เพื่อประโยชน์ของประเทศและเชื่อว่าประชาชนจะให้โอกาสเรากลับมาสานที่เราทำไว้