“สิริพงศ์” ชื่นชม รมว.คมนาคม เปิดทางการรถไฟฯ ฟ้องรายแปลงปมเขากระโดง เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย เหน็บเพื่อไทย เสนอเองล้มเอง ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ไม่อยู่เป็นองค์ประชุม สภาล่มกลางวงพิจารณา
วันที่ 26 กันยายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการให้ไฟเขียวการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฟ้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลงกรณีเขากระโดง ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ให้การรถไฟฯ ดำเนินการฟ้องร้องผู้ครอบครองพื้นที่รายแปลงเพื่อให้ศาลพิจารณาชี้ขาด มากกว่าการใช้อำนาจฝ่ายปกครองไปบีบบังคับประชาชน
นายสิริพงศ์ อธิบายต่อไปว่า การฟ้องร้องในครั้งนี้ไม่ใช่การรังแกประชาชน แต่เป็นการเปิดช่องให้ได้พิสูจน์สิทธิ์อย่างเต็มที่ หากมีหลักฐานที่ชัดเจนก็สามารถต่อสู้และได้รับความเป็นธรรม นี่คือวิธีที่ถูกต้องและยุติธรรม หากประชาชนมีเอกสารสิทธิ์ที่ดีกว่าก็ชนะและอยู่ในที่ดินได้อย่างสงบสุข จบปัญหาอย่างถาวร
ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเคยมีคดีที่ประชาชนร้องขอโฉนด 35 แปลง แต่แพ้การรถไฟฯ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับคดีที่กำลังดำเนินอยู่ในปัจจุบัน จึงไม่ควรสับสนหรือเหมารวม “ผมขอปรบมือให้รัฐมนตรีคมนาคม การดำเนินการเช่นนี้คือการใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง โปร่งใส และเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย”
ในวันเดียวกัน นายสิริพงศ์ ยังได้กล่าวถึงเหตุการณ์การประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม ระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด หรือ ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด ว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงความไม่รับผิดชอบของพรรคเพื่อไทยเอง ซึ่งเป็นผู้เสนอร่างกฎหมายแต่กลับไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม
...
นายสิริพงศ์ ระบุว่า ปกติมักจะมีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบองค์ประชุม เพราะกฎหมายส่วนใหญ่เสนอโดยฝ่ายรัฐบาล แต่ในกรณีนี้ร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอเองตั้งแต่ในสมัยรัฐบาลก่อน โดยใช้เวลาพิจารณานานกว่า 1 ปี 8 เดือน กว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ แต่เมื่อถึงการลงคะแนนกลับปรากฏว่ามี สส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมเพียงประมาณ 20 คน
“โดยทั่วไปวิธีการของฝ่ายค้าน เช่น พรรคภูมิใจไทยในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน จะอยู่ในที่ประชุมแต่ไม่กดแสดงตน เพื่อดูว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายที่เสนอกฎหมายเข้ามาพิจารณาสามารถรักษาองค์ประชุมได้หรือไม่ มีความจริงจังที่จะผลักดันกฎหมายจริงหรือไม่ ถ้ารักษาได้ก็พร้อมโหวตด้วย แต่เมื่อวานนี้ชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมายกลับไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุมเสียเอง และตั้งแต่เป็นฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทยดูเหมือนจะไม่สนใจการทำงานในสภาฯ แล้ว เพราะหายหน้าหายตากันไปเป็นจำนวนมาก ล่าสุดอาการหนักเพราะล้มกฎหมายที่ตัวเองเสนอเอาดื้อๆ เลย อย่างไรก็ตาม ถึงพรรคเพื่อไทยจะทำแบบนั้น แต่เวลากฎหมายผ่านพรรคเพื่อไทยก็ยังเคลมว่าตัวเองมีส่วนร่วมด้วยทั้งที่ก็ไม่ได้อยู่ในสภาฯ ด้วยซ้ำ”