โฆษกกองทัพบก แจงปมเลื่อนประชุม RBC อยู่ระหว่างรับส่งหน้าที่ ด้านชายแดนสระแก้วยังวุ่น ยอมรับลำบากใจ กัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร ถึงเวลาต้องยกระดับให้เข้มข้นมากขึ้น


วันที่ 24 กันยายน 2568 พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ที่กองบัญชาการกองทัพบก ถึงการเลื่อนประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) กองทัพภาคที่ 1 ว่า มีปัจจัยการเลื่อนอยู่ 2 ประเด็น คือการปรับเปลี่ยนหลายตำแหน่งภายในกองทัพบก โดยเฉพาะระดับแม่ทัพภาค ต้องมีการรับส่งหน้าที่ ซึ่งจะมีผลภายใน 1 ตุลาคม 2568 อีกทั้งสถานการณ์ในพื้นที่ยังปฏิบัติไม่ได้ตามกรอบที่ตกลงกันไว้ เช่น บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ยังมีความขัดแย้งเรื่องมวลชนกัมพูชา ยังไม่มีความเรียบร้อย ส่วนพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนเรื่องการกำหนดหัวข้อการพูดคุย อีกทั้งการให้ข่าวสารที่ออกมาทางฝ่ายกัมพูชายังมีการบิดเบือน ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศการเจรจาไม่ราบรื่น

สำหรับสถานการณ์ในภาพรวมของพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 หลังทหารกัมพูชายิงปืนเล็ก ช่องภูผี จังหวัดศรีสะเกษนั้น เป็นการใช้อาวุธขนาดเล็ก ยังไม่มีท่าทีจะคุกคามด้วยอาวุธอย่างจริงจัง ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาชี้แจงว่าเป็นปืนลั่น ซึ่งก็เป็นไปได้ทั้งหมด แต่ในด้านทางยุทธวิธีอาจจะมองได้ว่าเป็นการตรวจเช็กความพร้อมการวางกำลังฝ่ายไทยก็เป็นได้ ยังต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นการยั่วยุและยังมีการเพิ่มเติมกำลังเข้าพื้นที่

พลตรีวินธัย ระบุต่อไปว่า การปกป้องภารกิจชายแดนเป็นหน้าที่กองทัพบกอยู่แล้ว นำไปสู่แนวทางสันติ กระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีนานาชาติ โดยทางรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมก็ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด ส่วนกรณีที่นำกำลังหน่วยอรินทราชของตำรวจ ไปประจำการพื้นที่ชายแดนนั้น ยังไม่ทราบข้อมูล แต่หากเป็นข้อเท็จจริงก็อาจจะเป็นการเตรียมพร้อม เนื่องจากกัมพูชาก็ยังเดินเกมด้วยการใช้มวลชนเพื่อต้องการภาพนำไปสื่อสารในสังคมต่างประเทศ แต่เชื่อว่าในระดับสากลน่าจะรู้ทันกันอยู่

...

อย่างไรก็ตาม การใช้มวลชนเป็นโล่มนุษย์ยังอยู่ที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ยังไม่ขยายไปพื้นที่อื่น ในขณะที่ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กำชับให้เตรียมความพร้อมไว้เสมอและดูแลกำลังพลให้ดี อาจต้องยืนระยะยาว ก็ต้องอยู่ให้ได้เพื่อรองรับทุกสถานการณ์ไม่ให้ประชาชนผิดหวัง เพราะวันนี้ไม่มีหลักประกันอะไรที่ชัดเจนอยู่แล้ว สถานการณ์เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ต้องพิจารณา เหตุการณ์ในระดับพื้นที่ ระดับบุคคล ตามที่แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุ หากมีการรุกล้ำก็ให้ใช้อาวุธได้ทันที

โฆษกกองทัพบก ย้ำด้วยว่า การกำหนดไทม์ไลน์การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้ยุติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเรื่องเศรษฐกิจของประเทศไปกว่านี้ ขึ้นอยู่กับกรอบการเจรจาทวิภาคี ที่ผ่านมากองทัพบกก็ดำเนินการตามกรอบการเจรจามาโดยตลอด แต่ก็ลำบากใจเช่นกัน เพราะกัมพูชาไม่ได้ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร นับว่าถึงเวลาแล้วต้องดำเนินการยกระดับให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ส่วนที่มองว่าเป็นการพายเรืออยู่ในอ่างนั้นคงไม่ใช่ เพราะฝ่ายไทยมีความคืบหน้า เพียงแต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ให้ความร่วมมือเท่าที่ควร.