“พล.ร.อ.จิรพล” ชี้ เครื่องมือทางทหาร ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ หวั่นเปิดช่องประเทศอื่นแทรกแซง เย้ย กัมพูชามั่วไปขอร้องจีนไม่ให้ขายอาวุธ คงกลัวกริพเพน-เรือดำน้ำ ประเมินปัญหาไทย-กัมพูชา ยืดเยื้อถึงปีหน้า


วันที่ 23 กันยายน 2568 ที่ กองบัญชาการกองทัพเรือ (บก.ทร.) พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และรมว.มหาดไทย พร้อมร่วมงานกับทหาร ว่า การเมืองกับทหาร ก็ต้องไปด้วยกัน รัฐบาลกำหนดทิศทางเพื่อให้ทหารดำเนินการได้ชัดเจน การนำเครื่องมือทางทหารมาใช้ ต้องใช้ให้อยู่ในระดับที่พอดี ได้เปรียบในการเจรจา เมื่อถามย้ำว่ากองทัพต้อง ยึดหลักการอยู่ภายใต้รัฐบาลพลเรือน ใช่หรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ทุกประเทศอยู่ในหลักการนี้ ผู้ปกครองประเทศ มีหน้าที่ต้องดูทุกเรื่องของประเทศ ทหารเป็นแค่เครื่องมือหนึ่งของประเทศเท่านั้น เครื่องมือที่ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ใช้เมื่อมีเหตุสำคัญจริงๆเท่านั้น


เมื่อถามถึงกรณีการแก้ข้อตกลงโครงการเรือดำน้ำ มีผลต่อท่าทีของจีนในจุดยืนต่อไทย-กัมพูชา หรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า ทุกประเทศในโลกไม่อยากเห็นการต่อสู้เพิ่มอีกจุดหนึ่ง และมีสงครามที่ยืดเยื้อ มีผลกระทบต่อเนื่องทุกๆประเทศ เมื่อถามย้ำว่า เรือดำน้ำมีผลทางยุทธศาสตร์ของจีนหรือไม่ ผบ.ทร. กล่าวว่า เป็นแค่การปรับแก้สัญญา เพื่อให้โครงการเดินต่อได้ ส่วนจะมีผลต่อยุทธศาสตร์กองทัพเรือหรือไม่ เป็นอีกมิติหนึ่งที่กองทัพเรือจะต้องดูแลขีดความสามารถใต้น้ำ เมื่อถามถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน จะขอจีนไม่ให้ขายเรือดำน้ำให้ไทยนั้น ผบ.ทร. กล่าวว่า มั่วครับ กริพเพน ก็ไม่ยอมให้ขาย เรือดำน้ำก็ไม่ให้ขาย เขาคงกลัว ซึ่งเป็นข้อดีของการแยกระหว่างการเมืองระหว่างประเทศ และข้อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา

...


พล.ร.อ.จิรพล กล่าวถึง การส่งต่อหน้าที่ผบ.ทร.ในโอกาสที่ใกล้จะเกษียณอายุราชการ ว่า มี 4 - 5 เรื่องสำคัญ โดยเฉพาะ การปกป้องอธิปไตยของไทย ที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงต้องมีการส่งมอบอย่างละเอียด เช่น การวางแผนติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง เช่น การตรึงกำลังในพื้นที่ การผลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อลดความเหนื่อยล้าของกำลังพล การจัดหายุทโธปกรณ์เพื่อรองรับภัยคุกคาม หากในปีหน้าสถานการณ์พัฒนาไปสู่ระดับที่เกิดความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มลากยาวไปถึงปีหน้า เพราะการเจรจาระหว่างสองฝ่ายยังล่าช้า แนวโน้มความขัดแย้งจะยืดเยื้อต่อไป แต่ถ้าสามารถบรรลุข้อตกลงตามที่ไทยต้องการได้ ความขัดแย้งก็จะยุติได้เร็ว สิ่งสำคัญคือจะต้องหาจุดลงตัว ที่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายสามารถยอมรับ เช่น ต้องใช้คนกลางหรือไม่ แต่ถ้าคุยกันสองฝ่ายแล้วตกลงกันได้ก็ควรยุติตรงนี้


ผบ.ทร. ยอมรับว่า ยังคาใจเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังแก้ปัญหาไม่แล้วเสร็จ แต่เกษียณไปเสียก่อน และเชื่อทุกคนก็คาใจด้วย แต่ทุกเรื่องมีกระบวนการและขั้นตอนในการดำเนินงาน หากเราต้องการข้อตกลงที่นำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืน ก็ต้องเกิดจากความเห็นชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย


ผบ.ทร.ย้ำว่า การเมืองกับการทหารจะต้องเดินไปด้วยกัน รัฐบาลต้องกำหนดทิศทางอย่างชัดเจนให้ทหารดำเนินการ เนื่องจากสิ่งที่ทหารคิดและทำ จะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศ เพราะเครื่องมือทางทหารเป็นเครื่องมือสุดท้ายที่ประเทศควรจะใช้ เรายังมีเครื่องมืออื่น ๆ ที่สามารถบีบกัมพูชาได้อีกมาก โดยเฉพาะ ในสถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง การหาข้อยุติความขัดแย้งด้วยวิถีทางอื่น จึงเป็นเรื่องที่ดี นอกจากนี้การนำเครื่องมือทางทหารมาใช้ ยังอาจนำไปสู่การเปิดช่องให้ประเทศอื่น ๆ ใช้โอกาสแทรกแซง เราจึงควรใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอดี เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเจรจาต่อรองในขั้นต่อไป โดยยืนยันว่า การดำเนินการเหล่านี้ จะอยู่ภายใต้หลักการที่รัฐบาลนำการทหาร ซึ่งเป็นหลักการที่ทุกประเทศใช้ในการบริหาร