“นายกฯ อนุทิน” ฟังแถลงผลการศึกษาจาก นศ.วปอ.รุ่น 67 บอกเห็นค่า วปอ. ไม่เหมือนผู้นำคนอื่น ลั่น ไทยมีความพร้อมไม่ยอมกัมพูชา มั่นใจ “คนละครึ่งพลัส” 60:40 จูงใจคนเสียภาษี-กระตุ้นเศรษฐกิจได้เร็ว


เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 22 กันยายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 61 เข้าร่วมงานการแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของนักศึกษา วปอ. รุ่นที่ 67 ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานการแถลงผลการศึกษาฯ พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.อ.พงศ์เทพ แก้วไชโย ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.ท.ทักษิณ สิริสิงห ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร และพล.ต.เสด็จ อาคะจักร ประธานนักศึกษา วปอ.รุ่นที่ 67 เข้าร่วม

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า สวัสดีพี่ๆ ทุกคน พี่หนู วปอ.61 นกหัวขวาน รายงานตัว ตนเรียน วปอ.61 แต่มางานแถลงผลการศึกษาแทบทุกปี เพราะเข้ามาเป็นรองนายกรัฐมนตรีในปี 2562 ตนเห็นคุณค่าของการเป็นนักศึกษา วปอ. อย่างมาก อาจมีมุมมองต่างจากผู้นำรัฐบาลท่านอื่นๆ ตนคิดว่าการเรียน วปอ. สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อได้มาฟัง วปอ.67 ยอมรับว่าเหมือนเพลงพรหมลิขิตชักพาให้มาพบกันทันใด ทำไมเหมือนกับนโยบายรัฐบาลของตนที่เตรียมแถลงต่อรัฐสภาต้นเดือนตุลาคม อาจจะมีถ้อยคำที่ต่างกัน แต่กรอบความคิด ยุทธศาสตร์ตรงกัน ที่จะใช้หลักวิทยาศาสตร์คือจับต้องได้ เทคโนโลยีต้องทันโลกทันสมัย ทันท่วงที

...




ทั้งนี้ นักศึกษา วปอ.67 ยึดหลัก STEM แต่ตนจะขับเคลื่อนด้วยหลักที่คล้ายๆ กัน แต่โดยขอใช้คำว่า STECS ประกอบด้วย Systematic คือขับเคลื่อนต้องมีระบบ, Thainess ความเป็นเอกลักษณ์ของไทย เชื่อถือได้ ราคายุติธรรม, Exponential ขยายศักยภาพแบบเขย่งก้าวกระโดด และ C ที่ขอเติม S เพราะมีหลายคำ ไม่ว่าจะเป็น Connection คือสายสัมพันธ์ ที่เงินก็ซื้อไม่ได้ แต่ต้องใช้ให้ถูกต้องมีจริยธรรม ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า, Continuity คือต่อเนื่องไม่สิ้นสุด และ Constructive คือคิดเป็นบวก คิดก้าวหน้า และวันนี้ปัญหาคอร์รัปชันถึงเวลาแล้วเราต้องแก้ และคนไทยรังเกียจเดียดฉันท์ความไม่โปร่งใส ไม่สะอาด ทั้งทางการทำงาน จิตใจ รักชาติรักแผ่นดินคนไทย ซึ่งตอนนี้เริ่มมีการแบ่งแยกแล้ว

นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า วันนี้แยกกันเดินร่วมกันตี มีความหมายกับตนมาก ทหารก็คิดยุทธศาสตร์ไป รัฐบาลก็ต้องหาวิธีที่ต้องกดดัน วันนี้ยอมไม่ได้แล้ว มาถึงขนาดนี้ไม่ใช่การไล่ตี แต่เป็นการทำงานเชิงรุก กำหนดเงื่อนไขให้คนที่มีปัญหากับเราต้องยอมรับ เพราะประเทศไทยได้เปรียบทุกประตู ไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจ แสนยานุภาพ เมื่อได้เปรียบแบบนี้จะให้เรายอมก่อนไม่ได้ ตนคิดว่าตนและผู้ที่นั่งในห้องนี้สะกดคำนี้ไม่เป็น ตนกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพ จะใช้แนวทางนี้ดำเนินยุทธศาสตร์ต่อกรกับคนที่เรามีปัญหาอยู่ ชายแดนกัมพูชาต้องมีคำตอบมีผลลัพธ์ให้ประเทศไทยไม่สูญเสียอะไรไปมากกว่าผู้ที่เสียชีวิต ตนขอต้องไม่มีเราต้องทำให้ได้ภายใน 4 เดือน

“ประเทศไทยที่เราเบื่อหน่ายจะก้าวหน้าสักที ใครที่เคยดูถูกว่าพลังมวลชนไม่มีความหมาย พูดเลยว่าเปิดด่าน พูดเลยว่าเกี๊ยเซี๊ยะ พูดเลยว่ายอมเขา แล้วท่านจะรู้ว่านรกมีจริง”



สำหรับโครงการคนละครึ่ง นายอนุทิน ระบุว่ามีประโยชน์ เพราะมีส่วนร่วมกับประชาชนโดยมีการแชร์กัน รัฐบาลจะทำโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นแรงจูงใจให้คนที่เสียภาษี 60:40 และมั่นใจว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เร็ว รัฐบาลมีเวลาไม่มาก แต่อาจทำทุกอย่างที่ค้างท่อโดยเร่งปัจจัยทั้งหลายให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่เวลาที่เรามี รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่มีปัญหา พรรคร่วมไม่มีการไม่สนับสนุนกัน ทุกอย่างเป็นประโยชน์กับประเทศถือว่าเป็นบิ๊กวิน (Big Win) ของประเทศ.