เพื่อไทย แซะ “ปกรณ์วุฒิ” ทำหน้าที่เหมือนโฆษกภูมิใจไทย ปกป้องค่ายสีน้ำเงินเติมเสียง สส. หวั่น รมต.ปราสาทสายฟ้า อาจสร้างปัญหาการตรวจสอบและดำเนินคดีของหน่วยงานต่างๆ


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 กันยายน 2568 นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงในตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประชาชนเห็นสัญญาณชัดเจน การเร่งเติมเสียงของพรรคภูมิใจไทย มีนักการเมืองพรรคต่างๆ เปิดตัวเข้าร่วมงานมากขึ้น น่าแปลกใจที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน มองไม่เห็น ยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ได้รวมเสียงข้างมาก ไม่เป็นสัญญาณให้เกิดเสียงเพิ่มเติมในรัฐบาล

นายชนินทร์ เผยต่อไปว่า หลายฝ่ายสับสน นายปกรณ์วุฒิ เป็นรองหัวหน้าพรรคประชาชนหรือโฆษกพรรคภูมิใจไทยคนใหม่กันแน่ พรรคประชาชนต้องเข้าใจว่าข้อตกลงรัฐบาลเสียงข้างน้อยของสีส้มและสีน้ำเงินนั้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรับผิดชอบด้วย แม้จะมี สส.พรรคเพื่อไทย 9 คน สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล แต่พรรคประชาชนคือคนโหวตหนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรียกพรรค ต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินการของรัฐบาลนี้

ขณะเดียวกัน คนเริ่มครหารัฐบาลนี้ไม่ได้ตั้งมาเพื่อยุบสภา แต่ตั้งมาเพื่อยุบคดีสีน้ำเงิน รัฐบาลนี้ตั้งขึ้นด้วยกลไกประหลาด มีผู้นำฝ่ายค้านหามแคนดิเดตพรรคภูมิใจไทยขึ้นเสลี่ยง มีประธานวิปฝ่ายค้านทำหน้าที่เสมือนโฆษกพรรคภูมิใจไทยให้ สส.กว่า 140 คน แบกองค์ประชุมแทนรัฐบาล ขัดที่เคยประกาศว่า การรักษาองค์ประชุมเป็นหน้าที่รัฐบาล วิปที่ตั้งขึ้นมาคือวิปฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้ำให้รัฐบาลสีน้ำเงินกันแน่

...


นายชนินทร์ ยังกล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยหวังว่ารัฐบาลใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริต ยึดผลประโยชน์ประชาชนและประเทศมากกว่าผลประโยชน์พวกพ้อง หรือมีเจตนาเข้ามาสะสางปัญหาคดีความที่พรรคภูมิใจไทยกำลังเผชิญ วันนี้ประชาชนกังวลรายชื่อรัฐมนตรีเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ผลประโยชน์ทับซ้อนเชื่อมโยงกลุ่มอิทธิพลการเมือง เป็นรัฐมนตรีปราสาทสายฟ้าคอนเนคชั่น อาจสร้างปัญหาการตรวจสอบและดำเนินคดีของหน่วยงานต่างๆ

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมทีม สส. รวบรวมข้อมูลอภิปราย การแถลงนโยบายรัฐบาล 2 ประเด็น คือ 1. นโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภาในการบริหารราชการแผ่นดิน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2. คุณสมบัติรัฐมนตรี ความรู้ความสามารถ การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ทั้งคดีเขากระโดง คดีฮั้วเลือก สว. รวมทั้งรัฐมนตรีอื่นๆ ที่มีข้อครหาไม่ซื่อสัตย์สุจริต หรือถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด แต่ได้รับตั๋วช้างสีส้มจากพรรคประชาชนเข้าสู่ตำแหน่ง จะต้องได้รับการวินิจฉัยในมาตรฐานเดียวกับที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยถูกตรวจสอบ

สำหรับประเด็นหลักที่เป็นไฮไลต์การแถลงนโยบายครั้งนี้คือ การตั้งคำถามตรงไปตรงมาว่า การที่พรรคภูมิใจไทยทำทุกวิถีทาง ยอมทุกอย่างเพื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยในเวลา 4 เดือน มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคดีฮั้ว สว. และคดีที่ดินเขากระโดงหรือไม่ อาจทำให้ถึงจุดจบบางพรรคการเมือง.