“ขิง เอกนัฏ” ทิ้งเลขาฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ เหตุแนวคิดต่าง “พีระพันธุ์” ยอมรับถ้าย้ายค่าย ภูมิใจไทยตัวเลือกแรก ไม่อยากให้มองพรรคแตกหัก-อวสาน เผยจุดแตกหักปมกลับลำโหวตหนุน “อนุทิน” นั่งนายกฯ


เมื่อเวลา 17.40 น. วันที่ 17 กันยายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงกรณีการลาออกจากเลขาธิการพรรค ว่า ช่วงเช้าวันนี้ตนได้ยื่นหนังสือเพื่อลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) กับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าตนกับนายพีระพันธุ์ไม่มีความขัดแย้งส่วนตัว ซึ่งท่านเป็นนักการเมืองน้ำดีคนหนึ่ง แต่ในบทบาทของตนที่ทำหน้าที่เลขาธิการพรรคมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน หากจะทำงานต่อในสภาวะความคิดเห็นที่แตกต่างกันจะไม่เป็นผลดีต่อพรรค ตนจึงยินดีลาออกเพื่อให้ กก.บห.พรรคมีเอกภาพมากกว่านี้

“ในช่วงหลังโดยเฉพาะช่วงที่มีกระแสข่าวคลิปเสียง และช่วงของการโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 เริ่มมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ด้วยการทำงานที่ระยะเวลาอีก 4-5 เดือนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ถ้าหากยังปล่อยให้เป็นสภาพแบบนี้ต่อไปคงไม่เป็นผลดีต่อทางพรรคแน่ วันนี้ลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค แต่ก็ยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และก็ยังดำรงตำแหน่ง สส. แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังสานต่อภารกิจที่ยังคงค้างไว้ที่อยู่ในกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….”

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพร่วมรับประทานอาหารร่วมกันกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตนกับนายอนุทินมีการพูดคุยกันตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะเราเคยร่วมรัฐบาลกันมาก่อน 2 ปี โดยนายอนุทินเป็นคนขออนุญาตมาพูดคุยด้วย เนื่องจากทราบว่าตนและกลุ่ม สส.ชุมพร จะไปทานข้าวกัน ซึ่งนายอนุทินถามว่าอยู่ที่ไหนและขออนุญาตมาร่วมพูดคุยด้วย ส่วนเรื่องที่มีหารือในวงทานข้าว นายชุมพล จุลใส พร้อมกลุ่ม สส. ที่ไปร่วมทานข้าว เปิดเผยว่าอยากไปทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ตนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร และก็ขอให้พรรคภูมิใจไทยดูแล สส.ด้วย

...

“จริงๆ ถ้าผมจะทำการเมืองต่อ พรรคภูมิใจไทยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง จุดยืนไม่ต่างกัน ที่อยากทำงานปกป้องสถาบันเสาหลักของชาติ ผมว่าอยู่ในใจผมอยู่แล้ว แต่รายละเอียดการทำงานก็ต้องให้โอกาสผมตัดสินใจพิจารณาก่อน เป็นเพราะผมไม่เคยทำอย่างอื่นนอกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ”

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่าถึงจุดแตกหักอวสานของพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว นายเอกนัฏ ตอบว่า ไม่อยากให้คิดเช่นนั้น ตนอยากให้มีพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ ไม่อยากให้มองว่าจะทำให้พรรคแตก การที่ตนออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยเสียงของ กก.บห. ที่แตกออกเป็น 2 ข้าง และไม่ใช่ครั้งแรก มีหลายเรื่อง ตนคิดว่าทำให้ตรงไปตรงมา ขยับออกให้ชัดเจนดีกว่า อีกทั้งตนก็ยังไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ได้พูดคุยกับหัวหน้าเพื่อยื่นใบลาออก แต่เจตนาไม่อยากให้พรรคแตก อยากทำงานการเมืองต่อกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่ในพื้นที่เมื่อวันนี้มีความชัดเจนว่า 4-5 เดือนจะถึงกำหนดการเลือกตั้งใหม่ ทุกทีมก็มีอิสระที่จะตัดสินใจว่าจะไปที่ไหน เราไม่ได้ปิดกั้น

“ผมยังรักและผูกพันกับพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ พูดตามตรงเป็นไปได้ไม่ได้อยากไปไหนเลย แม้ว่าวันนี้จะออกจาก กก.บห.พรรค ก็ยังไม่ได้อยากไปไหน ขอให้เวลาตัดสินใจหน่อย”

ทางด้านกระแสข่าวว่าจุดที่ทำให้พรรคแตกหักมาจากการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น นายเอกนัฏ เผยว่า ตนไม่ได้อยากพูดให้มีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน เอาเป็นว่าไม่มีฝั่งไหนที่คิดผิดหรือถูกในทางการเมือง แต่มีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในเรื่องของการแสดงจุดยืน สำหรับตนคิดว่าทุกคนต้องมีความชัดเจนในจุดยืน ตนไม่ชอบทำอะไรที่เก้ๆ กังๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่ผ่านมามีส่วนหนึ่งใน กก.บห. ที่คิดว่าควรจะงดออกเสียง แต่ตนคิดว่าในสถานการณ์บ้านเมืองที่ยุบสภาก็ไม่ได้ แล้วต้องเลือกซ้ายหรือขวานั้น ตนจะไม่ใช่ประเภทที่ทิ้งไว้ระหว่างทางหรืออยู่ตรงกลาง คิดว่าต้องไปทางใดทางหนึ่ง จึงโหวตให้นายอนุทิน แต่ไม่ได้เข้าร่วมรัฐบาล คล้ายกับพรรคประชาชน ไม่ได้มีการไปต่อรองเรื่องตำแหน่ง

ขณะเดียวกัน ตนพูดในที่ประชุม กก.บห. รวมถึงที่ประชุม สส. ชัดเจนว่าการตัดสินใจที่โหวตนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นคนละเรื่องกับการตัดสินใจที่จะเข้าหรือไม่เข้าร่วมรัฐบาล ไม่เกี่ยวข้องกับการไปรับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่ใน กก.บห. ก็มีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่บางครั้งเวลาที่มีจุดยืนทางการเมืองที่มีความสำคัญ และมีความคิดเห็นที่ไม่เหมือนกัน คงจะไม่เป็นผลดี ตนคิดว่าคนใดคนหนึ่งต้องไขก๊อก หากไม่มีใครออกตนก็ยินดีที่จะออก ไม่ได้ติดอะไร.