“หมอชลน่าน” เผย ร่างแก้รัฐธรรมนูญฉบับพรรคเพื่อไทย ไม่โละอำนาจ สว. เผยคุณสมบัติ ส.ส.ร. เทียบเท่า สส.-สว. ไม่ห่วงบล็อกโหวต เหตุประชาชนทั้งจังหวัดเลือก แล้วส่งรัฐสภาเคาะ
วันที่ 17 กันยายน 2568 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงความคืบหน้าต่อการเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ว่า คณะทำงานของพรรคเพื่อไทยที่มี นายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน มีข้อสรุปเรื่องนี้คือ จะเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 โดยเพิ่มหมวด 15/1 การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เท่านั้น โดยไม่แตะหรือแก้ไขรายละเอียด หรือเงื่อนไขในกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ในมาตรา 256 เช่น การออกเสียงของสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 1 ใน 3 ในชั้นรับหลักการและชั้นของวาระ 3 เพราะมีระยะเวลาการแก้ไขสั้น และหากมีประเด็นที่กระทบต่อการตัดสินใจของ สว. อาจไม่ได้รับความร่วมมือ หรืออาจมีประเด็นประโยชน์ได้-เสียเกิดขึ้นได้
นพ.ชลน่าน ระบุต่อไปว่า เนื้อหาของการเพิ่มหมวด 15/1 มีข้อสรุปเบื้องต้นคือ จะให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อทำหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจำนวน 150 คน โดยส่วนแรกคือให้ประชาชนแต่ละจังหวัดเลือก ส.ส.ร. ในจังหวัดของตนเอง ตามจำนวนที่คำนวณได้จากฐานประชากรของจังหวัด เป็นจำนวน 2 เท่าของ ส.ส.ร. เช่น จ.น่าน มี ส.ส.ร.ได้ 1 คน ประชาชนต้องเลือกเข้ามา 2 คน เป็นต้น จะได้ผู้ที่ผ่านการเลือกจำนวน 200 คน ให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 100 คน และส่วนที่ 2 มาจากการคัดเลือกขององค์กร สถาบันวิชาการที่กำหนดคุณสมบัติไว้ประมาณ 50 คน
...
“สิ่งสำคัญที่กำหนดที่มาของ ส.ส.ร. คือคำนึงการมีส่วนร่วมของประชาชนมากที่สุด แต่มีเงื่อนไขต้องไม่เป็นเลือกตั้งทางตรง ดังนั้นจึงให้จังหวัดเลือกตั้งผู้สมควรได้รับเลือกเป็น ส.ส.ร. และส่งให้รัฐสภาเลือกอีกชั้น โดยในชั้นของการเลือกผ่าน 77 จังหวัด จะไม่กำหนดคุณสมบัติที่สูงเกินไป ยึดแนวกำหนดคุณสมบัติ ไม่มีลักษณะต้องห้ามเหมือน สส. หรือ สว.”
เมื่อถามว่าการกำหนดให้เลือกตั้งผ่านจังหวัดจะป้องกันการฮั้วการเลือกได้อย่างไร นพ.ชลน่าน ตอบว่า จะเปิดให้ประชาชนทั้งจังหวัดเป็นผู้เลือก ไม่ใช่จำกัดเฉพาะกลุ่มอาชีพที่อาจทำให้เกิดการบล็อกโหวตได้ ซึ่งการเลือกจะเป็นโมเดลเดียวกับการเลือก สส. และให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการจัดการเลือก
ส่วนคำถามว่าขั้นตอนให้รัฐสภาเลือก ส.ส.ร. ในชั้นสุดท้ายอาจถูกครหาว่าเปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเลือกคนของฝ่ายตัวเองมาทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้นั้น นพ.ชลน่าน ระบุว่า คาดการณ์แบบนั้นไม่ได้ เพราะระบอบของรัฐสภายึดเสียงข้างมากเป็นหลัก เมื่อรัฐสภาเลือกอย่างไรต้องเป็นไปตามนั้น ซึ่งการกำหนดให้จังหวัดเลือกบุคคลที่จะได้รับเลือก ส.ส.ร. ให้เป็น 2 เท่าของผู้จะมาเป็น ส.ส.ร. เท่ากับจะเปิดโอกาสให้รัฐสภาเลือกได้กว้างขวาง ขณะเดียวกันภายใต้การตรวจสอบของประชาชน ไม่ว่า ส.ส.ร. ถูกเลือกมาเป็นคนของใคร จะไม่สามารถออกนอกลู่นอกทางได้.