“โต้ง” โต้ MOA ไม่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง หลังนักกฎหมายยื่นสอย 212 สส.ประชาชน-ภูมิใจไทย สวน “จิรายุ” ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลนี้ดีกว่า 2 ปีก่อน ยันนายกฯ ไม่เปิดด่านถ้ากัมพูชาไม่แก้สถานการณ์


วันที่ 16 กันยายน 2568 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นักกฎหมายไปยื่นคำร้องต่อพรรคเพื่อไทย ให้ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อที่จะเอาผิด 212 สส.พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย เรื่องบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement หรือ MOA) ว่า ตนคิดว่าเป็นเรื่องของความคิดเห็นที่อาจจะมองแตกต่างกัน เราคิดว่าลักษณะของ MOA นั้นเป็นความเข้าใจ และข้อตกลงร่วมกัน ซึ่งอาจจะไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่มีผลทางความรู้สึกและมีผลต่อความรับรู้ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ที่จะสามารถดำเนินการได้ และเป็นเรื่องธรรมดาที่เข้าใจว่าท่านไม่เห็นด้วยแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะรับเงื่อนไข MOA ของพรรคประชาชนเช่นกัน อีกทั้งแต่ละพรรคมีแฟนคลับของตนเอง และในสังคมก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความคิดเห็นแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ

ส่วนจะเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ นายสิริพงศ์ ระบุว่า MOA ไม่ได้มีถ้อยคำอะไรที่จะเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของสภาผู้แทนราษฎร และไม่ได้มีการระบุถึงอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุว่าทำไม่ได้ จึงไม่อาจเข้าข่าย และเราก็ไม่ก้าวล่วงองค์กรใด

ขณะเดียวกัน นายสิริพงศ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ระวังจะเป็นรัฐบาลเต้าหู้ยี้ ว่า ยี้หรือไม่ยี้อยู่ที่สังคม ดูจากหน้าตารัฐมนตรีเศรษฐกิจ ตนคิดว่ารัฐบาลนี้ดีกว่า 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจ เท่าที่รับฟังจากประชาชน

...

ส่วนหน้าตารัฐมนตรีเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองว่าจะทำงานเข้ากันได้หรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า กระทรวงที่เป็นเศรษฐกิจเป็นโควตากลางทั้งหมด ส่วนที่เป็นโควตาของพรรคร่วมอื่น ก็จะเห็นได้ว่าภาพที่นายกรัฐมนตรีไปพูดคุย ก็จะพาทีมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจไปด้วยทั้งหมด เพื่อให้ทำงานเข้าขากันได้ ซึ่งความสำคัญก็คือการพูดคุยกัน แชร์ประสบการณ์กัน และขับเคลื่อนนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ที่อาจจะต่างกันเนื่องจากเราเป็นรัฐบาล 4 เดือน แต่ความต้องการร่วมกันคือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ใช่การหวังคะแนนของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเหมือนเช่น 2 ปีที่ผ่านมา

ผู้สื่อข่าวถามต่อ จะไม่ทำให้รัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองถูกด้อยค่าใช่หรือไม่ นายสิริพงศ์ ตอบว่า ไม่มี เพราะทุกคนมีหน้าที่ ทั้งรัฐมนตรีจากพรรคการเมือง หรือแม้แต่ สส. ทุกคนก็มีความตื่นเต้นและยินดีที่จะทำงานกับคนเก่งๆ เมื่อถามต่อไปว่าขณะนี้สังคมจับตาเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่าจะมีการเปลี่ยนตัวหรือไม่จากปัญหาเรื่องการเปิดด่าน นายสิริพงศ์ ระบุว่า ณ วันนี้ยังไม่มี ซึ่งนายกรัฐมนตรียืนยันหนักแน่นว่าปัญหาชายแดนเป็นเรื่องเปราะบาง ต้องเอาคนที่รู้จักสถานการณ์ดีที่สุดอยู่แล้ว แต่บางครั้งคนก็อาจมีคำถามกับบทบาทหน้าที่ของว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ต้องเข้าใจว่านโยบายที่ประชาชนได้รับในช่วงรัฐบาลที่แล้วกับรัฐบาลนี้มีความแตกต่างกัน โดยรัฐบาลนี้มีแนวทางชัดเจนว่า หากกัมพูชาไม่ทำให้สถานการณ์เป็นปกติก็จะไม่มีการเปิดด่าน ซึ่งต่างจากรัฐบาลที่แล้วที่มีความพยายามจะเปิดด่าน.