“ศุภชัย” โต้เพื่อไทย นโยบายรถไฟฟ้าต้นทุนต้องชัดก่อน อัด 20 บาทตลอดสาย ยกตัวเลขมาลอยๆ เพื่อหาเสียง ชี้ รมว.ยุติธรรม ใน “ครม.อนุทิน 1” พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ต้องดึงความยุติธรรมกลับมา


วันที่ 14 กันยายน 2568 นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยเรียกร้องให้พรรคภูมิใจไทยปัดฝุ่นนโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวันมาใช้ ว่า สภาฯ สมัยที่ผ่านมา ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการร่างพระราชบัญญัติขนส่งทางราง มองว่าสามารถนำกฎหมายดังกล่าวมาใช้ร่วมกับ พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และ พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อดำเนินการศึกษาให้รู้ว่าต้นทุนที่แท้จริงของค่าโดยสารรถไฟฟ้าเป็นเท่าไหร่กันแน่

นายศุภชัย เผยต่อไป วันนี้ต้องยอมรับว่าความจริงสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิด 20 บาทตลอดสาย ไม่ได้อยู่บนฐานจากการศึกษาว่าต้นทุนเท่าไหร่ เป็นการยกตัวเลขมาลอยๆเพื่อหาเสียง โดยอาศัยกฎหมายที่มีอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.รฟม. ที่มีกองทุนอยู่ หรือนำงบประมาณส่วนอื่นมาชดเชยส่วนต่าง เพราะจริงๆ แล้วเอกชนเขาไม่ได้ลดราคาค่าโดยสาร แต่เป็นเรื่องที่รัฐเอางบประมาณไปอุดหนุนซึ่งเป็นเงินภาษี คำถามคือทำแบบนี้คือเอางบประมาณมาหาเสียงหรือไม่ มองว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง การบอกว่าต้องรับนโยบายนี้ไปดำเนินการต่อไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง

แต่สิ่งที่ถูกต้องคือต้องไปพิจารณาว่าต้นทุนจริงๆ เท่าไหร่ รัฐต้องอุดหนุนเท่าไหร่ ที่สำคัญวันนี้คน กทม. ไม่ได้ใช้แต่รถไฟฟ้า เขาใช้รถเมล์ด้วย การจะบอกให้รับช่วงต่อโดยไม่มีข้อมูลทางวิชาการไม่ควรทำ แต่รัฐบาลที่จะเข้ามาหลังจากนี้จะศึกษาค่าโดยสารโดยรวมเพื่อจะได้ไม่ต้องอุดหนุนมากกว่าที่ควร ที่สำคัญต้องถามว่านโยบายนี้เป็นเรื่องด่วนหรือไม่ ต้องศึกษาให้ครบถ้วนเพราะมีกฎหมายอื่นๆ เข้ามาหลายฉบับ มี พ.ร.บ.ออกมาหลายฉบับต้องคิดเรื่องต้นทุน และดึงรถเมล์เข้ามาด้วยน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า

...

ขณะที่กรณีเสียงวิพากษ์วิจารณ์คัดค้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่มาจากสายบุรีรัมย์ นายศุภชัย ระบุว่า บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่ง รมว.ทุกตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) พิจารณาจากความรู้ความสามารถ ความเหมาะสมกับงาน ไม่ได้มองว่าเป็นใครมาจากไหน ดังนั้นจึงต้องบอกว่าใครจะมาเป็น รมว.ยุติธรรม มันไม่สำคัญ ถ้าอยู่บนพื้นฐานในการทำอย่างไรที่จะทำให้หลักนิติธรรมกลับเข้ามาสู่ประเทศ เรื่องความยุติธรรม ความเสมอกันทางกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ เป็นเรื่องสำคัญ ที่มาจะเป็นอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับมาแล้วบริหารโดยยึดหลักนิติธรรม ทำให้กระทรวงยุติธรรมกลับมายุติธรรมจริงๆ ใครก็ตามที่มาต้องอยู่บนพื้นฐานนี้และทำให้ความยุติธรรมกลับคืนมา.