“สง่า พรมเมือง” มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งซ่อม สส.เชียงราย เขต 7 แล้วในเวลา 9 โมงเช้า เชื่อมั่นจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ขณะที่ชาวบ้านรายหนึ่งที่ออกมาใช้สิทธิ์ บอกยังรักพรรคเพื่อไทย อยากได้ผู้แทนที่เป็นคนเชียงแสน ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ
เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 14 กันยายน 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ไปตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งที่ 6 และเขตเลือกตั้งที่ 7 โรงเรียนบ้านสบคำ ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยมีนายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.เชียงราย พร้อมหน่วยงานราชการพื้นที่เตรียมความพร้อมการลงคะแนนเลือกตั้งซ่อมแทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 และ สส. 5 สมัย ต้องพ้นจากตำแหน่ง สส. เชียงราย เขต 7 ทำให้ต้องมีการเปิดเลือกตั้งซ่อมวันที่ 14 ก.ย.68 มีผู้สมัครเพียง 2 คน คือ นายสง่า พรมเมือง พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 และ นายสุทัศน์ ยาละ พรรคประชาชน เบอร์ 2
บรรยากาศช่วงเช้ามีชาวบ้านตื่นตัวมารอการใช้สิทธิ์กันอย่างคึกคัก กระทั่งเวลา 09.00 น. นายสง่า พรมเมือง พรรคเพื่อไทย เบอร์ 1 ได้เดินทางมาถึงหน่วยเลือกตั้ง และเข้าตรวจดูบัญชีรายชื่อ จากนั้นเข้าไปในคูหาเพื่อใช้สิทธิ์ลงคะแนน
...
นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า มาตรวจเยี่ยมหน่วยเลือกตั้งมาดูความเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ ซึ่งวันนี้สภาพอากาศก็เป็นใจ ท้องฟ้าแจ่มใส ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้สิทธิ์เลือกตั้งของประชาชน โดยทาง กกต.จังหวัดเชียงราย คาดว่าจะมีผู้ไม่ใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 65% ก่อนการเปิดหีบเลือกตั้งพบว่ามีประชาชนให้ความสนใจมารอใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ว่าจะเป็นการเลือกตั้งซ่อมและผู้สมัครเมื่อได้รับเลือกแล้วอาจจะมีวาระการปฏิบัติงานได้ไม่นาน ส่วนผลเลือกตั้งหลังจากปิดหีบเวลา 17.00 น. จะได้เริ่มทำการนับคะแนนคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณ 20.00 น.
ต่อมานายสง่า ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า วันนี้มาใช้สิทธิ์ลงคะแนน เสร็จแล้วจะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน เพราะที่ผ่านมาได้ออกหาเสียงเดินพบปะกับพี่น้องประชาชนหลายอำเภอ ได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี และเชื่อมั่นว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือกให้มาเป็นผู้แทนราษฎรเขต 7 จ.เชียงราย
ส่วนนายบุญยก พรมปัญญา อายุ 80 ปี ชาวบ้านที่มาใช้สิทธิ์ลงคะแนน ได้กล่าวว่า อยากได้ผู้แทนที่เป็นคนเชียงแสน และยังรักพรรคเพื่อไทย จึงอยากได้ผู้แทนราษฎรมาจากพรรคเพื่อไทย เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ช่วยเหลือในด้านราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าว ข้าวโพด และมันสำปะหลัง ให้เกษตรกรได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.