"กลุ่มคนเสื้อแดง" มาให้กำลังใจ "ทักษิณ" พร้อมทำกิจกรรม "กินข้าวเที่ยงพร้อมทักษิณ" หน้าเรือนจำคลองเปรม เกิดเหตุชุลมุนเล็กน้อย ตำรวจเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2568 มีรายงานว่า ที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม กทม. กลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายเทวินทร์ พูลทวี, นางประนอม พูลทวี, นายภัทรพล หรือ ไก่ บิ๊กแมน ธนเดชพรเลิศ พร้อมด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงปากช่องโคราช กลุ่มคนเสื้อแดงราชบุรี เดินทางมาจัดกิจกรรมกินข้าวเที่ยงพร้อมทักษิณ ขณะที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางคลองเปรม เข้าสู่วันที่ 4
สำหรับบรรยากาศ กลุ่มคนเสื้อแดงได้ปักหลักบริเวณฟุตปาธหน้าเรือนจำ พร้อมด้วยรถเครื่องเสียง โดยนางประนอม พูลทวี และแกนนำเสื้อแดง นำข้าวหมกไก่ ข้าวเหนียวมะม่วง น้ำดื่ม กล้วยทอด ข้าวโพดต้ม มาแจกให้กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้รับประทานเป็นอาหารเที่ยงพร้อมกับอดีตนายกรัฐมนตรี
...
ทั้งนี้ ในเวลา 10.13 น. เกิดเหตุชุลมุนเนื่องจากมีชายวัยรุ่นอายุประมาณ 20-30 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้าย เข้าบริเวณพื้นที่ชุมนุม และมาพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนเกิดมีปากเสียงกัน ทำให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ประชาชื่น ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ และเชิญชายวัยรุ่นดังกล่าวไปสถานีตำรวจ เพื่อตรวจค้นและสอบปากคำ
ขณะที่ กรมราชทัณฑ์ ได้ออกเอกสารชี้แจงตามประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรม ซึ่งพื้นที่เดิม มีเนื้อที่ 118 ไร่ 1 ตารางวา เป็นเนื้อที่ 124 ไร่ 1 งาน 1 ตารางวา โดยมีอาณาเขตเพิ่มจำนวน 6 ไร่ 1 งาน นั้น
กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า อาณาเขตของเรือนจำกลางคลองเปรมที่เพิ่มนั้น เดิมเป็นอาณาเขตพื้นที่เดิมของเรือนจำกลางคลองเปรม แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 ที่ผ่านมา จึงได้กำหนดอาณาเขตดังกล่าวให้อยู่ในการครอบครองดูแลของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตามนัยหนังสือกรมราชทัณฑ์ ที่ ยธ 0702.3/15585 ลงวันที่ 23 มิ.ย.2565 เรื่อง การกำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรมและทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ (ใหม่) เพื่อให้สามารถจัดการสถานการณ์ขณะนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ปัจจุบันเรือนจำกลางคลองเปรมมีผู้ต้องขังจำนวนมาก มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ ประกอบกับ มีผู้ต้องขังพิการ จำนวน 42 คน ผู้ต้องขังที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จำนวน 385 คน ผู้ต้องขังที่อยู่ในภาวะพึ่งพิง จำนวน 22 คน อีกทั้งยังเป็นเรือนจำรับย้ายผู้ต้องขังที่มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจจากเรือนจำ/ทัณฑสถานอื่น เรือนจำกลางคลองเปรมจึงมีแนวโน้มที่จำนวนผู้ต้องขังเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สภาพความเป็นอยู่เกิดความแออัด ประกอบกับทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หมดความจำเป็นในการใช้พื้นที่ดังกล่าวในการรักษาผู้ป่วยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว
ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทั้งการควบคุมและการพัฒนาพฤตินิสัยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมราชทัณฑ์ จึงเสนอกระทรวงยุติธรรมพิจารณาปรับเพิ่มอาณาเขตของเรือนจำกลางคลองเปรมใหม่ โดยคืนพื้นที่ที่ไปอยู่ในการครอบครองดูแลของทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ให้กลับมาอยู่ในการครอบครองดูแลของเรือนจำกลางคลองเปรมตามเดิม โดยประกาศกระทรวงยุติธรรม เรื่อง กำหนดอาณาเขตของเรือนจำแต่ละแห่ง มีการดำเนินการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของการบริหารจัดการเรือนจำ มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 มีการประกาศกำหนดอาณาเขตของเรือนจำ จำนวน 16 แห่ง เช่น เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย เรือนจำกลางเพชรบุรี และเรือนจำจังหวัดภูเก็ต เป็นต้น ในปีงบประมาณ 2568 ถึงปัจจุบัน มีการประกาศกำหนดอาณาเขตของเรือนจำ จำนวน 7 แห่ง เช่น เรือนจำชั่วคราว เขาสมอแคลง สังกัดเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เรือนจำพิเศษพัทยา และเรือนจำกลางคลองเปรม เป็นต้น
กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่า การกำหนดอาณาเขตเรือนจำกลางคลองเปรมใหม่ เป็นการคืนพื้นที่ให้กลับมาอยู่ภายใต้การครอบครองดูแลของเรือนจำกลางคลองเปรมตามเดิม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมผู้ต้องราชทัณฑ์ ที่มีจำนวนมากให้เป็นไปตามผลการจำแนกลักษณะ และให้การปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องขณะอยู่ในเรือนจำให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างเหมาะสมต่อไป.