"ศุภจี" เปิดใจ 2 เหตุผลเข้ารับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ทั้งที่ในหัวไม่เคยคิดจะมาทำงานการเมืองเลย บอกนายกฯอนุทินให้เวลาตัดสินใจแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น


วันที่ 12 กันยายน 2568 นางสาวมัณฑนี สุรกาญจน์กุล เลขานุการบริษัท บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทศ (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท วันที่ 12 กันยายน 2568 มีมติรับทราบการลาออกของนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ในตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2568 เนื่องจากติดภารกิจอื่นที่ต้องอุทิศตนในการทำงานเต็มเวลา และแต่งตั้งนายชนินทธ์ โทณวณิก ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม แทนนางศุภจี 

นางศุภจีกล่าวถึงการลาออกเพื่อไปรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่า การจะไปรับตำแหน่งนี้ไปด้วย 2 เหตุผล เหตุผลแรกคิดว่าประเทศกำลังเจอความท้าทายหลากหลาย ต้องมีคนมาช่วยเรื่องปากท้อง และดูแลเศรษฐกิจภาพรวม เราก็คิดว่ามีโอกาสทำงานหลากหลาย ตอนอยู่ IBM 7 ปี สุดท้ายทำงานที่นิวยอร์ก ก็เห็นการตัดสินใจมหภาค ติดต่อต่างชาติ พออยู่ไทยคม ก็ทำธุรกิจอินเตอร์เนชั่นแนล เราก็คิดว่า ประสบการณ์นี้ น่าจะมีโอกาสผลักดันด้านต่างประเทศให้เศรษฐกิจเดินไปได้ เพราะสนใจแค่ลดค่าใช้จ่ายอย่างเดียวไม่พอ แต่ว่าทำแค่นั้นไม่พอ ต้องสร้างรายได้ด้วย หน้าที่เรา ก็คิดว่า เรามาช่วยดูแล เรื่องการเปิดตลาดต่างประเทศจะดีไหม และหาศักยภาพตรงไหน ตอนที่ทำไม่ว่าตรงไหนก็ต้องดูศักยภาพบริษัทที่มี ว่าจะแข่งขันกับคนอื่นได้อย่างไร


นางศุภจีกล่าวต่อว่า บางคนบอกว่าไม่เคยมีหน้าที่ระดับประเทศเลย อยู่แต่เอกชนจะเข้าใจไหม ก็ยอมรับแต่มองจากภาพเอกชนไป เราเคยเป็นกรรมการธนาคารที่ดูแลเศรษฐกิจมหภาค และเป็นกรรมการบริษัทดูแลการผลิต ลงทุนต่างประเทศ ดังนั้นก็เลยคิดว่าเราน่าจะเอา 2 ส่วนมาผสมกัน ทั้งความสามารถติดต่อต่างประเทศและดูแลแบรนด์ในประเทศ อนาคตก็ต้องไปดูแลอย่างอื่น น่าจะดี เป็นการตัดสินใจข้อแรก

...


ส่วนการตัดสินใจข้อ 2 นางศุภจีบอกว่า ทราบอยู่แล้วว่าภารกิจอายุไม่นาน มีเวลาแค่ 4 เดือนทำหน้าที่ตรงนี้ หยิบจับอะไรที่เป็นสิ่งสำคัญต้องหยิบจับมาทำก่อน ให้เห็นผลโดยเร็ว และมีรากฐานให้คนต่อ ๆ ไป จากนั้นจะเลือกตั้งก็ดูแลรัฐบาลใหม่ ประมาณ 7-8 เดือน ตัดสินใจง่ายมาก หลังจากจบภารกิจจะกลับมาของานใหม่


ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังบอกด้วยว่า การเข้ามาทำงานทางการเมืองไม่เคยมีอยู่ในหัวเลย ไม่สนใจ แต่คุณอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โทรศัพท์มาชักชวนและให้เวลาตัดสินใจแคต่ครึ่งชั่ว ตนจึงได้เอาเรื่องนี้ไปหารือกับครอบครัวและทางดุสิตธานี เมื่อครอบครัวและดุสิตธานีโอเคก็ตัดสินใจตอบตกลง 


นางศุภจียังได้กล่าวถึงแนวทางการทำงานในตำแหน่งใหม่นี้ โดยจะมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับทุกฝ่าย ทั้งข้าราชการและทีมเศรษฐกิจหลักของรัฐบาล โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน เธอยังทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า "ไม่ต้องรู้ทุกอย่าง 100% ก่อนลงมือทำ แต่ขอให้ทำ 100% ในสิ่งที่รู้" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความพร้อมที่จะลุยงานเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มที่ในบทบาทใหม่นี้อย่างแท้จริง