ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ ถก 4 หน่วยงานพร้อมผู้ทรงคุณวุฒิ เห็นชอบจัดทำข้อเสนอผลักดันนโยบาย ขยายอายุเกษียณ แก้วิกฤตประชากร


วันที่ 11 กันยายน 2568 ที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดการประชุมหารือเชิงนโยบาย (Policy Dialogue) หัวข้อ “ยืดเวลาเกษียณอายุ กับความเป็นไปได้ในสังคมไทย” เพื่อพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุและการขยายอายุเกษียณที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ดร.ปรเมธี วิมลศิริ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจและสังคม นายปิยวัฒน์ ศิวรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ผู้บริหารกระทรวง พม. ผู้บริหารและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงบประมาณ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม


นายอนุกูล กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร ที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสวนทางกับประชากรวัยเรียนและวัยแรงงานที่มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีทั้ง “โอกาส” และ “ข้อท้าทาย” โดยข้อท้าทายด้านสังคมที่สำคัญนั้น ได้แก่ การขาดความมั่นคงด้านรายได้ของผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของอัตราส่วนพึ่งพิงผู้สูงอายุ การขาดระบบบำนาญที่เพียงพอและครอบคลุมคนส่วนใหญ่ ในขณะที่ข้อท้าทายด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ การขาดแคลนแรงงาน ทั้งในภาคเกษตร อุตสาหกรรม และบริการ อีกทั้งค่าจ้างแรงงาน และต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงในระยะยาว ซึ่งท่ามกลางข้อท้าทายดังกล่าว ประเทศไทยสามารถพลิก “ข้อท้าทาย” ให้เป็น “โอกาส” ด้วยการส่งเสริมการทำงานของผู้สูงอายุและการขยายอายุเกษียณ เนื่องจากในปัจจุบันผู้สูงอายุจำนวนมากมีสุขภาพแข็งแรงและมีความพร้อมในการทำงานได้อีกหลายปี

...


นายอนุกูล กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมครั้งนี้ นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บริหารจากส่วนราชการที่สำคัญ รวมถึงผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพิจารณาโอกาสและข้อท้าทาย และความเป็นไปได้ พร้อมให้ข้อเสนอแนะต่อประเด็น “ยืดเวลาเกษียณอายุกับความเป็นไปได้ในสังคมไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสาธารณะที่สำคัญที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมพูดคุยและหาทางออกร่วมกัน ทั้งนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการเกี่ยวกับการขยายอายุเกษียณให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตาม นับเป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และครอบคลุมประเด็นต่างๆ ในหลายมิติ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้และผลกระทบทางเศรษฐกิจ สังคม และงบประมาณ อย่างรอบคอบ ตลอดจนรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน เพื่อจัดทำเป็นข้อเสนอและผลักดันเชิงนโยบายในการขยายอายุเกษียณเพื่อเป็นทางออกของสังคมไทยภายใต้วิกฤตประชากร