“สุวิทย์” ชื่นชม “ทักษิณ” เป็นลูกผู้ชาย ผิดแล้วยอมรับผิด ยอมติดคุก เชื่อเป็นจุดเริ่มต้นของผู้นำ เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่รัฐคุณธรรมอย่างแท้จริง
วันที่ 10 ก.ย. 2568 ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในสมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยอมเข้าเรือนจำตามคำสั่งของศาลฎีกาว่า ต้องถือว่านายทักษิณเป็น “สุภาพบุรุษ” (ลูกผู้ชาย) ที่ผิดแล้วยอมรับผิด “ถ้าคิดดีทำดีอย่างที่ท่านโพสต์ไว้ ท่านอาจจะเป็น “รัฐบุรุษ” ท่านต่อไปต่อจากท่านปรีดีและท่านพลเอกเปรม ก็เป็นได้”
ดร.สุวิทย์ กล่าวด้วยว่า อาจทำให้วาทกรรมที่ว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ Post-Shinnawatra Era อาจจะต้องถูกทบทวน หากท่านใช้แนวคิดของท่านเดิม “คิดใหม่ ทำใหม่” ทำเพื่อประเทศไทยจริงๆ อีกครั้ง เพราะต้องถือว่าการเกิดขึ้นของพรรคไทยรักไทย เป็นการ “พลิกโฉม” ทางการเมืองไทยครั้งสำคัญ ด้วยนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน เป็นรูปธรรมและเกิดสัมฤทธิ์ผล ท่านจึงเป็น Political Innovator ที่สามารถผสาน Politics-People-Policy อย่างลงตัว
ดร.สุวิทย์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้วาดฝัน “โมเดลประเทศไทยในโลกที่หนึ่ง” ไว้ 7 ประการ ประกอบด้วย มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติและวัฒนธรรมของตน มีบทบาทสำคัญในเวทีระดับภูมิภาคและระดับโลก มีโครงสร้างเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง เป็นผู้นำโลกในบางอุตสาหกรรม เป็นสังคมที่เต็มเปี่ยมด้วยความสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการเรียนรู้ มีผู้ประกอบการที่แข็งแกร่งสามารถแข่งขันในเวทีโลก และเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่ดี แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันสานฝัน รัฐบาลทักษิณก็ถูกปฏิวัติรัฐประหารเสียก่อน
...
ดร.สุวิทย์ กล่าวด้วยว่า ที่สำคัญ นายทักษิณ อาจเป็นนายกฯคนแรกของประเทศไทยที่ต้องเข้าเรือนจำ “แต่ท่านก็เป็นนายกฯ ที่เป็นต้นแบบของความเป็น Visionary X Actionable Leadership การยอมเข้าเรือนจำของท่าน จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง Moral Leadership ทำให้ท่านเป็นต้นแบบของผู้นำที่สมบูรณ์แบบ ครบเครื่องทั้ง Visionary X Moral X Actionable Leadership เพื่อนำพาประเทศไทยไปสู่ รัฐคุณธรรม (Principled State) อย่างแท้จริง”
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากที่ดร.สุวิทย์ได้โพสต์ข้อความนี้ ก็ทำให้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นกันอย่างมากมาย จนทำให้ดร.สุวิทย์ ต้องโพสต์ข้อความว่า “อภัยทาน” คือทานที่มีความสูงส่งที่สุดในทางพระพุทธศาสนา หมายถึงการให้ความไม่โกรธ ไม่อาฆาตจองเวร หรือการยกโทษให้แก่ผู้อื่นโดยไม่ถือโทษโกรธพยาบาท