ประชุม GBC : “พล.อ.ณัฐพล” เผยวงจีบีซี ไทย-กัมพูชา เห็นชอบถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ ร่วมเก็บกู้ทุ่นระเบิด 1 เดือน กัมพูชาตอบรับ ปราบสแกมเมอร์ 60 แห่ง พร้อมจัดระเบียบบ้านหนองจาน เล็งเปิดด่านจันทรบุรี-ตราด
ประชุม GBC ล่าสุด
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 10 ก.ย. 2568 ที่ห้องกฤษณะ โรงแรมเซ็นทารา ชานทะเลแอนด์วิลล่า จ.ตราด พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568
โดยมีคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย พล.อ.ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร และเลขานุการ GBC พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 และประธานร่วม RBC ฝ่ายไทย พล.ต.วีระยุทธ รักศิลป์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้แทนแม่ทัพภาคที่ 2 รวมถึงน.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี โฆษกจิตอาสา ศบ.ทก. เข้าร่วมการประชุมอย่างเป็นทางการ
...
พล.อ.ณัฐพล แถลงว่า ติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการตามผลการประชุมจีบีซี ที่ประเทศมาเลเซีย รวมทั้งข้อตกลงหยุดยิง รวมทั้งแนวทางการดำเนินการต่อไปเพื่อนำสันติภาพและความสงบสุขนำมาสู่พื้นที่ชายแดนได้อย่างถาวร
การหารือวันนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าหลายด้าน ถือเป็นความสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างกัน และยืนยันว่าทั้งสองฝ่ายจะยึดมั่นแนวทางต่อไป ถึงแม้ว่ามีข้อห่วงกังวลบางประการที่ทำให้ฝ่ายไทยและประชาชนไทยไม่สบายใจ และอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้เป็นไปอย่างดังเดิมอยู่บ้างก็ตาม แต่สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน และเป็นพัฒนาการสำคัญ
1. การถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดน กลับสู่ที่ตั้งปกติ โดยฝ่ายเลขานุการจีบีซี และอาร์บีซี จะหารือกันภายใน 3 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนดำเนินการและเริ่มเคลื่อนย้ายกำลังตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยให้คณะผู้สังเกตการณ์ (IOT) มาร่วมสังเกตการณ์
2. การเก็บกู้วัตถุระเบิด จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วม ประกอบด้วย ฝ่ายเลขานุการจีบีซี และหน่วยงานทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนเก็บกู้ทุ่นระเบิดและแผนนำร่องตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มดำเนินการทันทีภายใน 1 เดือน
3. การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ สแกมเมอร์ ได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของทั้ง 2 ฝ่าย ตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติงานร่วมกัน ทั้งนี้ ฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูลพิกัดที่ตั้งสแกมเซนเตอร์กว่า 60 แห่งให้กัมพูชา ให้ไปดำเนินการปราบปรามขั้นเด็ดขาด ซึ่งเป็นสิ่งที่คณะทำงานนี้จะหารือกัน ซึ่งผู้แทนของตำรวจไทยและรองผู้บัญชาการตำรวจกัมพูชาได้หารือกันนอกรอบ เพื่อนัดหมายการประชุมประสานงานตามข้อตกลงนี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีกำหนดการวันที่ 16 ก.ย. ที่จังหวัดสระแก้ว
4. การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (เจบีซี) ไทย-กัมพูชา หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าว และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) หารือแนวทางการบริหารจัดการบนพื้นฐานผลการหารือในกรอบจีบีซี โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าฯ จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประสานงานกันเพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้หากโมเดลนี้ประสบความสำเร็จ จะนำไปใช้บริหารจัดการพื้นที่อื่น ซึ่งมีปัญหาในลักษณะเดียวกัน
5. หารือการผ่อนปรนผ่านแดนบางประเภท บางจุด และระหว่างที่สถานการณ์ไม่เป็นปกติ เพื่อลดผลกระทบภาคธุรกิจ การขนส่งข้ามแดน โดยมอบหมายให้กลไกอาร์บีซี ไปหารือความเป็นไปได้ ในการอนุญาตให้มีการขนส่งสินค้า จุดผ่านแดนบางจุดที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง โดยอาจเริ่มดำเนินการที่จุดผ่านแดนถาวรจันทบุรีและตราด
นอกจากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องที่จะถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนแล้ว พัฒนาการสำคัญของการประชุมจีบีซีครั้งนี้ คือทั้ง 2 ฝ่ายกำหนดแนวทางการดำเนินการใน 2 เรื่องที่ไทยให้ความสำคัญ แต่ก่อนหน้านี้ฝ่ายกัมพูชายังไม่เคยตอบรับ ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะติดตามกับฝ่ายกัมพูชา ให้ดำเนินการตามที่ตกลงโดยเร็ว โดยการประชุม จีบีซี ครั้งต่อไปจะกำหนดขึ้นภายใน 30 วัน โดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ
พล.อ.ณัฐพล ยังขอย้ำว่าไทย-กัมพูชาไม่อาจย้ายหนีจากกันได้ จึงมีความจำเป็นที่สองประเทศต้องแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อนำสันติภาพไปสู่ชายแดน และประชาชนทั้งสองประเทศจะได้กลับมาใช้ชีวิตปกติสุข
โดยเมื่อวานนี้ได้รับทราบแนวทางจากนายอนุทิน ที่ได้เน้นย้ำเรื่องปกป้องอธิปไตยต้องมาเป็นอันดับแรก และให้ความสำคัญกับบทบาทกองทัพในการป้องกันประเทศ พร้อมให้ดูแลความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งตนมีวิธีที่จะบริหารจัดการแบ่งโซนพื้นที่ตามความตึงเครียดของสถานการณ์ตามลำดับ
โซนที่หนึ่ง มีความตึงเครียดสูง คือพื้นที่กองทัพภาค 2 ประกอบไปด้วย อุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์
โซนที่สอง คือ สระแก้ว พื้นที่ความรับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 1
โซนที่สาม คือ จันทบุรีและตราด มีความตึงเครียดน้อยกว่าจุดอื่น
การแบ่งโซนดังกล่าว นำมาซึ่งแนวความคิดในการผ่อนผัน ซึ่งจะดูที่สถานการณ์ในระดับความตึงเครียดและจากที่ผู้ประกอบการขอให้ผ่อนปรนบ้างจึงได้ดำเนินการในโซนที่ 3 ก่อน และมอบหมายให้กองกำลังจันทบุรี-ตราด ไปพิจารณาดำเนินการ เพราะเป็นมาตรการทางด้านความมั่นคง โดยให้ประสานงานในพื้นที่กับ กรมศุลกากร กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม สนับสนุนข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางที่นำมาเจรจากัน
โดยก่อนการประชุมตนได้หารือกับพลเอก เตรีย เซรย ฮา แบบโฟร์อาย ตนพูดสองประเด็น คือ สาส์นของพลเอก ฮุนมาเนต ที่ส่งถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูร นายกรัฐมนตรีของไทย ในการแสดงความยินดีต่อนายอนุทิน โดยข้อความแสดงถึงท่าทีซึ่งจะนำไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์ ท่านนายกฯ จึงอยากทราบแนวทางความคืบหน้าในการหารือในวันนี้
“ผมได้คุยกับท่านเตีย เซียฮา ว่าประเด็นเจ็บปวดที่ต้องแก้ไขของบ้านเราในวันนี้คือเรื่องการเก็บกู้วัตถุระเบิด กับ บ้านหนองจาน ขอความกรุณาให้ทางกัมพูชาตอบรับในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งผลการประชุมได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามความจริงใจของกัมพูชาในการดำเนินการตามผลการประชุมวันนี้หรือไม่”
อย่างไรก็ตามระหว่างการประชุม น.ส.ปนัดดา ได้ถ่ายคลิปบรรยากาศภายในห้องประชุมระหว่างรอประธานทั้งฝ่าย โดยระบุว่า ขณะนี้กำลังรอการเปิดประชุม โดยโต๊ะประธานอยู่ด้านหน้า ฝ่ายกัมพูชานั่งอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายไทย แต่ไม่มีมาลี (พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชา) เขาไม่มา